ปัญหาน่าปวดสมองของระบบการศึกษาประเทศไทยปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งก็คือการที่มหาวิทยาลัยของไทยมีจำนวนมากกว่าจำนวนประชากรที่ต้องการเข้ามาศึกษาต่อหรือปัญหามหาวิทยาลัยไม่มีคนเข้าเรียนที่นั่งว่าง ซึ่งในที่สุดมหาวิทยาลัยเหล่านี้ก็จะต้องปิดตัวเองเป็นวิกฤติอุดมศึกษาที่ถึงแม้จะมีการตั้งกระทรวงใหม่คือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมขึ้นมาก็ตามแต่ก็ดูว่าจะสายเกินแก้เสียมากกว่า
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาของไทยทั้งของรัฐบาลและเอกชนมีจำนวนมากกว่าปริมาณนักเรียนที่ต้องการจะเข้าศึกษาโดยมีจำนวนรวมกันมากกว่า 250 สถาบัน ยอดรวมที่จะรับนักศึกษาทั้งหมดในระดับปริญญาตรีได้มากกว่า 400,000 คน ในขณะที่มีปริมาณนักศึกษาต้องการเข้าเรียนในแต่ละปีประมาณ 200,000 คน โดยไม่นับรวมมหาวิทยาลัยเปิด 2 แห่งคือมหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
สาเหตุที่เกิดปัญหามหาวิทยาลัยของไทยมีที่นั่งเรียนล้นมากนั้นมีด้วยกัน 4 สาเหตุใหญ่ๆ คือข้อแรกปริมาณเกิดของเด็กของไทยในระยะ 20 ปี ที่ผ่านมามีปริมาณลดลงมากจากปีละ 1.4 ล้านคนต่อปี เหลือแค่ปีละไม่ถึง 600,000 คน ในปี 2561 นั่นคือ เด็กเกิดน้อยลงถึง 800,000 คน หรือ ร้อยละ 57 ข้อที่สองเยาวชนมีทางเลือกสามารถเข้าศึกษาต่อใน 2 มหาวิทยาลัยเปิดคือมหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ข้อที่สามเยาวชนที่ผู้ปกครองมีฐานะดีสามารถเดินทางไปเข้าศึกษาต่อในต่างประเทศได้ทั่วโลก ซึ่งแต่ละปีมีจำนวนมากกว่า 10,000 คน และข้อที่สี่มหาวิทยาลัยมีปริมาณมากเกินกว่าความต้องการนั่นคือมีอุปทานมากกว่าอุปสงค์นั่นเอง จากข้อมูลระบบทีแคสของมหาวิทยาลัยทั้งหมด 5 รอบนั้นในปีนี้ 2562 มียอดสถาบันรวม 70 แห่งจำนวน 5 รอบมียอดรับ 445,364 ที่นั่ง
แต่มีเด็กมาสมัครจริงประมาณ 233,851 ที่นั่ง แสดงว่าที่นั่งเกินจำนวน 211,513 ที่นั่ง
สถานการณ์ของอุดมศึกษาไทยนั้นมหาวิทยาลัยทุกแห่งต้องปรับตัวเป็นเรื่องที่น่าห่วงหากจำนวนนักศึกษาน้อยลงเรื่อยๆ และหลักสูตรไม่ได้มาตรฐานก็จะหานักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนได้ยากมหาวิทยาลัยจะวิกฤติอย่างหนักและคงต้องปิดมหาวิทยาลัยหรือไม่ก็อาจจะต้องขายมหาวิทยาลัยไปให้นายทุนต่างชาติโดยเฉพาะจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีนายทุนรอโอกาสและจังหวะเข้ามาซื้อมหาวิทยาลัยเอกชนของไทยอยู่
มหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่งเองก็ต้องปรับตัวเพราะหากจำนวนนักศึกษาลดลงหมายถึงรายได้ของมหาวิทยาลัยจะหายไปบางแห่งถ้าหากปรับตัวไม่ทันและมีภาระแบกรับภาระการขาดทุนไม่ไหวรัฐบาลก็คงต้องสั่งปิดกิจการซึ่งหมายถึงความสูญเปล่าทางด้านการลงทุนของรัฐบาล
นี่คือภาระของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คนแรกที่จะเข้ามาทำหน้าที่หลังการมีรัฐบาลใหม่ใน 2-3 วันนี้ต้องเร่งวางมาตรการแก้ไขปัญหาโดยเร็วนั่นคือการส่งเสริมให้เยาวชนต่างชาติเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยของไทยเช่นเดียวกับประเทศที่เขาพัฒนาแล้วต่อไปนั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี