เมื่อไม่นาน สมาคมพนักงานสอบสวน ได้มีการประชุมหารือกับผู้บังคับบัญชาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อเสนอให้มีการจัดตั้ง แผนกธุรการคดี ขึ้นมาช่วยเหลืองานพนักงานสอบสวนบนโรงพักทั่วประเทศ เช่น การเก็บรักษาของกลาง การตรวจพิสูจน์ การพิมพ์มือผู้ต้องหา หรืองานสัพเพเหระที่ไม่เกี่ยวกับการนั่งสอบปากคำและทำสำนวนคดี โดยมีตำรวจระดับสารวัตรทำหน้าที่ สว.งานธุรการคดี
ทั้งนี้ เป็นการเรียกขวัญกำลังใจหลังจากถูกยุบแท่งพนักงานสอบสวน และยังแก้ปัญหาตำรวจหาทางย้ายหนีออกจากสายงาน โดยเฉพาะปัญหาคนขาดแคลนสมองไหลซึ่งที่ผ่านมาการแก้ไข ด้วยวิธีเพิ่มคนเข้าไปยังไม่ใช่ทางออกที่ถูกเพราะไม่มีใครอยากมา แต่สำหรับนายตำรวจที่ชื่อ พ.ต.อ.ดำรงค์ บุญวิไลวงค์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. ช่วยราชการ บก.น.2 ดูแลคดี สน.โคกคราม อยู่ได้เพราะใจรัก
พ.ต.อ.ดำรงค์ หรืออ้อย ผู้กำกับสไตล์ลูกทุ่งชาว จ.นครราชสีมา จบคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง พลตำรวจนครบาล รุ่น 54 เริ่มทำงาน ผบ.หมู่ กก.ป้องกันปราบปรามจลาจล (ปจ.) หรือ บก.อคฝ.บช.น. จากนั้นปี 2528 สอบขึ้นนายร้อยหลักสูตรสายสอบสวนแต่โชคไม่เข้าข้างตกสายตา เลยเปลี่ยนไปสายธุรการตำแหน่งแรกอยู่ สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ ตอนนั้นลำบากยังไม่มีที่พักอาศัย
วันศุกร์ต้องกลับบ้านภรรยาที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นั่งรถประจำทางแล้วเดินเข้าไปอีกกว่า 10 กม. ลูกก็ยังเล็กทนมา 2 ปี สถานการณ์บีบบังคับจึงขอลง สน. ไหนก็ได้เพื่อมีโอกาสขยับขยายแล้วฟ้าก็มีตา รอง ผกก.เลขาฯ ที่เขาเคยทำงานให้สนับสนุนปีนั้นได้ย้ายไปเป็น รอง สว.ธุรการ สน.คลองตัน ขณะนั้น สว.จร. เห็นว่าทำงานขยันก็ได้ย้ายให้เป็น รอง สว.จร.สน.คลองตัน แล้วเส้นทางก็เริ่มเปลี่ยน
“จังหวะช่วงนั้นคนอื่นอยากมาเป็นพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เขาก็วิ่งมากระแทกผมเลยกระเด็นไปเป็น รอง สว.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร คือจุดเริ่มต้นงานสอบสวนผมทนอยู่ 5 ปี จนค้นพบว่าตัวเองรู้สึกชอบกับสายงานนี้ ก็ได้มีผู้ใหญ่มาขอคดียิงกันผมบอกว่า จะให้สั่งไม่ฟ้องผมทำไม่ได้เขาไม่พอใจเลยสั่งย้าย แต่ผมได้รับการประเมิน สบ.2” อดีต สว.(สอบสวน) สน.บางคอแหลม กล่าว
ผู้กำกับอ้อย เล่าต่อว่า อยู่ สน.บางคอแหลม แทบจะไม่มีคดีเลยตนอยู่แล้วรู้สึกอบอุ่น สบายใจ มีความสุข ไม่มีเรื่องปวดหัว และตำรวจที่นั้นไม่มีใครขอย้ายเลยเป็น 2 ปี แห่งความสุขเพราะไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ ต่อมาผู้บังคับบัญชาดึงให้มาเป็น สว.(สอบสวน) สน.ลาดพร้าว อยู่ 15 ปี จนถึง รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลาดพร้าว ปี 2558 สอบ สบ.4 ได้ขึ้น ผกก.(สอบสวน) สน.โคกคราม
ตอนนั้น สน.ลาดพร้าว คดีเยอะมากเป็นรองแค่ สน.บางเขน และ สน.โชคชัย คิดว่าเราควรจะเสียเวลาสัก 1-2 ชม. เพื่อช่วยเหลือคนอื่นที่เขาเดือดร้อนซึ่งตนก็ทำมาตลอดพออยู่ สน.โคกคราม ตั้งใจอยากจะมาช่วยเห็นคดีหมกไว้เยอะตนก็รื้อจนแทบจะเกลี้ยง บางครั้งต้องลงไปเข้าเวรเองซึ่งตำแหน่งของตนไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ หน้าที่จริงๆ คือควบคุมดูแลแล้วหลังจากปี 2559 งานเก่าๆ ก็เริ่มหมดลง
ปีนั้นได้มีคำสั่งยุบตำแหน่งงานสอบสวนทั่วประเทศก็เคว้งคว้างเลย จนเป็นเหตุสำนวนทั่วประเทศเริ่มมีปัญหาเพราะไม่มี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อนบางคนไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ขายผลไม้ เป็นนิติกร สอบตั๋วทนาย และหลายคนต้องออกจาก ตร. กลับกันก็เป็นโอกาสดีของเราทำให้ได้คิดถึงชีวิตหลังเกษียณ ตนจึงเริ่มลงมือทำสวน เลี้ยงสัตว์ แล้วผลผลิตก็พร้อมรองรับคนในครอบครัว
“อยากให้งานสอบสวนแยกเป็นอิสระ หรือหาวิธีใช้ความสมัครใจเข้ามาทำงาน แล้วให้มีความเจริญก้าวหน้าเหมือนกับ ดีเอสไอ อัยการ ไม่ใช่อย่างที่เขาบอกว่าตำรวจที่สำคัญคือพนักงานสอบสวน แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะมาดูแลและการเร่งรัดไม่ใช่เป็นการดูแล เมื่อก่อนผมมองเห็นอนาคตแล้วผมก็ประคองตำแหน่งพนักงานสอบสวนไว้ แต่ตอนนี้ผมทำใจแล้วรออีก 3 ปี นึกถึงวันที่ได้กลับไปอยู่โคราช”
ผกก.สอบสวนมากประสบการณ์ เล่าเหตุการณ์ประทับใจเมื่อ 10 กว่าปีก่อนว่า สมัยทำคดีอยู่ สน.ลาดพร้าว เห็นคนนั่งร้องไห้สอบถามทราบว่ามาแจ้งความมีคนพาลูกสาววัย 17 ปี หนีออกจากบ้านเขาเสียใจมาก ทางตำรวจไม่รับทำคดีตนเลยเรียกให้เข้ามากลางคืน โดยรับปากว่าจะช่วยจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมพาลูกสาวมาส่ง เขาขายผักอยู่ตลาดแห่งหนึ่งทุกวันนี้ไปตลาดให้ผักตนที 3-5 กก.
สิ่งที่ภาคภูมิใจคือการได้ช่วยเหลือคนสุดท้ายกลายเป็นมิตรภาพ พนักงานสอบสวนต้องทำงานบนหลักกฎหมายในขณะเดียวกัน ต้องทำให้ประชาชนพอใจทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา หน้าที่เราคือรวบรวมพยานหลักฐานและให้ความเป็นธรรม ที่ผ่านมาปัญหาอยู่ที่พนักงานสอบสวนขาดประสบการณ์ความรู้ ขณะที่คนมาแจ้งความเขามีความรู้มากกว่าเดิมมันสวนทางกันเสมือน บอนไซ
“การบริหารสำนวนแล้วไม่ค้างนั้นคือความสำเร็จ ส่วนคนมาเร่งรัดสำนวนมีประมาณ 5-6 คน จาก สน. ไปถึง บช. แล้วลงมาจี้พนักงานสอบสวนเพียงคนเดียวมันใช่ทางออกหรือไม่?” ผกก.วัย 57 ปี ฝากข้อคิด
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี