'มุมมองชีวิต ผมคิดว่า งานกับครอบครัวต้องไปด้วยกัน ต้องรู้จักแบ่งเวลาให้เหมาะสม'
เป็นข่าวฮือฮาไปพักใหญ่ หลังจากพานไหว้ครูของนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.หนองคาย ถูกโยงว่ามีการแสดงความเห็นทางการเมืองไม่เหมาะสม จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทหาร ตำรวจ ตบเท้าเข้าไปขู่เด็กร้อนถึง พ.ต.อ.ภูวิศ ศิริพานิช ผกก.สภ.โพนพิสัย จ.หนองคาย หรือ ผู้กำกับฯแป๊ก ต้องออกโรงแก้ข่าวพัลวัน ว่าไม่ได้ห้ามไม่ได้ทำอะไรเลย จากที่ไม่อยากเป็นข่าวก็เลยต้องรับโทรศัพท์แทบสายไหม้
พ.ต.อ.ภูวิศ เปิดใจกรณีที่ตกเป็นข่าวก่อนเท้าความว่า เป็น ผกก.สภ.โพนพิสัย มาแล้ว 2 ปี พื้นที่นี้เป็น เมืองแห่งวัฒนธรรมริมฝั่งโขง งานที่มีชื่อเสียงโด่งดังคงหนีไม่พ้นเทศกาลชมบั้งไฟพญานาค ในวันออกพรรษาหลังจากนี้ 3 เดือน ก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามากันเยอะ เป็นประเพณีปฏิบัติไปแล้ว เมืองแห่งนี้จึงเสมือน “เมืองพญานาค” เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมตามความเชื่อของชาวบ้าน
ผกก.สภ.โพนพิสัย เล่าว่า พื้นที่รับผิดชอบ มีประชากรประมาณ 2 แสนกว่าคน ไม่ค่อยมีคดี ไม่ว่าจะลัก วิ่ง ชิง ปล้น ถือว่าเป็นดินแดนที่เงียบสงบ น่าอยู่ด้วยวิถีธรรมชาติ ผู้คนที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แต่ถึงกระนั้นตำรวจเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการกวดขันงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งมีนโยบายเชิงรุก ที่จะรองรับสภาพปัญหาทุกด้าน
“ปัญหาที่เกิดขึ้นแทบจะเป็นปัญหาเดียวในรอบปี คือรถที่เข้ามาในพื้นที่เยอะในช่วงเทศบาลชมบั้งไฟพญานาค การจราจรก็จะติดขัดบ้าง แต่เราได้วางแผนการจัดการจราจรไว้เป็นอย่างดี มันก็อาจจะมีการชะลอตัวบ้าง ติดขัดบ้างเล็กน้อย ตามประสาที่มีรถเข้าไปเยอะ ก็อยากขอให้นักท่องเที่ยวใจเย็นๆ อย่าใจร้อน พวกเราก็พยายามจะระบายรถ ซึ่งถนนก็เป็นถนนเล็กๆ พอนักท่องเที่ยวเยอะ ก็ประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า”
พ.ต.อ.ภูวิศ ระบุว่า สำหรับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เราเตรียมการไว้ แต่ที่ผ่านมา ก็ไม่ค่อยมีอะไรรุนแรง กับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามก็มีสะพานเชื่อมต่อกัน ข้ามไปก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในเขตนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ระดับสูงมีการประสานความร่วมมือระหว่างกันด้วยดีเสมอมา
ผกก.สภ.โพนพิสัย เล่าถึงประวัติชีวิตแบบมีอารมณ์ขันว่า เป็นคนจังหวัดไหนตอบยาก เพราะพ่อเป็นคนจันทบุรี ส่วนแม่เป็นคนชัยภูมิ แต่ไปเกิดที่เกาะสีชัง ช่วงที่พ่อซึ่งเป็นตำรวจกำลังไปทำคดี แล้วก็ต้องย้ายตามพ่อทุกปี เท่าที่จำความได้ตอนเข้าเรียนจนจบ ป.7 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ไปเรียนต่อระดับมัธยมฯ 1 ที่ จ.สุรินทร์ แต่ไปจบ ม.3 ที่ จ.ตราด จากนั้นจึงขออนุญาตพ่อมาเรียนต่อในกรุงเทพฯ มาจบที่วัดเบญจมบพิตร คือย้ายแทบทุกปี จนเข้าเรียนระดับปริญญาตรี พอคนถามว่าเป็นคนจังหวัดไหนก็เลยตอบไม่ได้
“ผมจบจากคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหงพอจบออกมาก็สอบเข้าเป็นตำรวจ เมื่อปี 2534พอดีว่าตอนนั้นเขาเปิดรับบุคคลภายนอกเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรสายสอบสวน เปิดรับ 400 คน สายปราบปราม อีก 100 คน ก็เลือกสายสอบสวนเพราะมันรับเยอะ สอบได้ที่ 2 จาก 400ไปเริ่มต้นชีวิตตำรวจที่ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ พอปี 2537 ก็ย้ายไปเป็น รอง สว.ส.สภ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ก่อนไปอยู่กองปราบฯ”
ผู้กำกับหนุ่มใหญ่ เปรยว่า ช่วงที่มาอยู่กองปราบฯ อยู่ที่แผนก 4 กก.5 บก.ป.มีงานออกตลอด ได้ร่วมทีมงานของนายตำรวจระดับมือพระกาฬหลายนาย ก่อนย้ายไปเป็นนายเวรผู้การ ตม.3 ได้หนึ่งปี และย้ายตามนายที่ไปเป็นผู้การท่องเที่ยว แล้วก็ขึ้นเป็น สว.ประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยว แผนก 6 จากนั้นถึงเป็น สว.ท่องเที่ยว จ.พิษณุโลกเป็น สว.ตำรวจรถไฟ จ.อุดรธานี จึงขึ้นเป็น รอง ผกก.อีกหลายตำแหน่ง รวม 12 ปี ถึงได้รับการโปรโมทขึ้นเป็น ผกก.สภ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย และ ผกก.โพนพิสัย จ.หนองคาย ในปัจจุบัน
ด้านชีวิตส่วนตัว สมรสกับ นางวชิราภรณ์ ศิริพานิช ครูโรงเรียนบ้านไร่ อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย พ.ต.อ.ภูวิศ เปรยว่า ได้พบกันตอนงานแสดงมุทิตาจิตวันเกษียณอายุราชการครู พอเจอกันก็ได้ติดต่อกันเรื่อยมาเข้าทางพ่อแม่ฝ่ายหญิง บ่มรักได้สองปีก็ตกลงแต่งงานกันแม้อายุเราจะห่างกันถึง 20 ปี โดยมีมุมมองชีวิตว่า งานกับครอบครัวต้องไปด้วยกัน ต้องรู้จักแบ่งเวลาให้เหมาะสม
“ส่วนหลักในการครองคู่ ก็คิดว่าเรามีอะไรก็ต้องคุยกัน ถ้าคนหนึ่งเป็นไฟ คนหนึ่งต้องเป็นน้ำ ส่วนใหญ่คู่เราใช้วิธีนิ่งๆ หากทะเลาะกันเวลาที่ยังโกรธก็จะยังไม่พูด รอให้ใจเย็นลงก่อนค่อยคุยกัน แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยทะเลาะอะไรแรงๆ เราก็พยายามไม่เครียด ไม่ดุ เราต้องทำบ้านหรือครอบครัวให้เป็นพื้นที่แห่งความสุข บางทีเขายังมีความคิดบางอย่างเป็นเด็ก เราก็ต้องคอยสอนเรื่องการวางตัวให้เขา”
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี