เมื่อวานนี้ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ
สืบเนื่องจากนายธาริต เพ็งดิษฐ์ และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ได้โต้แย้งคดีในศาลแพ่ง แล้วศาลแพ่งจึงได้ส่งคำโต้แย้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด
ปรากฏว่า ในคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวนั้นเอง ได้เปิดเผยว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนายธาริตและนางวรรษมล จำนวน 49 รายการ รวมมูลค่า 341,797,811.58 บาท พร้อมดอกผลของทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว
1. เมื่อศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนายธาริตและนางวรรษมล 342 ล้านบาท พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน ต่อมา นายธาริตและนางวรรษมล จึงได้ยื่นคำคัดค้านคำสั่งศาลแพ่งและโต้แย้งในประเด็นว่าจะต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยให้ฝ่ายกล่าวหาเป็นผู้พิสูจน์ความจริง ไม่ใช่ให้ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ ตามที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กำหนด
ต่อมา ศาลแพ่งจึงส่งคำโต้แย้งดังกล่าวเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 81 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดภาระการพิสูจน์ในคดีที่ร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งกรณีดังกล่าวศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้ง 2 ตกเป็นของแผ่นดินไปแล้ว และคดีอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ บทบัญญัติที่มีการโต้แย้งจึงไม่ใช่บทบัญญัติที่ศาลแพ่งจะใช้บังคับแก่คดี กรณีดังกล่าวจึงไม่เข้าด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย
พูดง่ายๆ คือ ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายธาริตและคู่สมรสไปแล้ว
แค่รอการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์เท่านั้นเอง
2. น่าสนใจว่า คดีร่ำรวยผิดปกติ ยึดทรัพย์นายธาริต มูลค่า 342 ล้านบาทนั้น สุดท้ายคดีจะถึงที่สุดอย่างไร?
หากยึดตามข้อเท็จจริงที่ทราบจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่าสุดนี้ แสดงว่า ศาลแพ่งพิพากษายึดทรัพย์นายธาริต มูลค่า 342 ล้านบาท
เป็นของแผ่นดินไปแล้ว (รอคดีถึงที่สุด)
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ปปช.ชี้มูลความผิด ส่งอัยการ ฟ้องศาล
แสดงว่า ศาลแพ่งพิพากษาในทิศทางตามสำนวนที่ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนชี้มูลความผิดก่อนหน้านี้
3.1 แผนภาพที่เห็น เป็นการตรวจสอบของ ป.ป.ช. แสดงเส้นทางการเงินของนายธาริต ที่ ป.ป.ช.พบพฤติการณ์โอน ยักย้าย แปรสภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สิน รวมทั้งให้บุคคลอื่นถือทรัพย์สินแทน
พบว่า นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ (หลานชายของนายธาริต และนางวรรษมล) และบริษัท ปิยธนวรรษ จำกัด ซึ่งมีนายปิยฤกษ์ และ
นางกานดา เผือดจันทึก (น้องสาวของนางวรรษมล) เป็นกรรมการบริษัท มีชื่อเป็นผู้ถือครองทรัพย์สินจำนวนมากแทนนายธาริต และนางวรรษมล
3.2 ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติบางส่วน ได้มีการโอน ยักย้าย แปรสภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สิน ทำให้ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินได้ คงเหลือทรัพย์สินที่นายธาริต ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีคำสั่งอายัดไว้เป็นการชั่วคราว จำนวน 90,260,687 บาท
3.3 ทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติในส่วนที่เหลือ จำนวน 256,391,901 บาท ป.ป.ช.ร้องขอให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของนายธาริตและนางวรรษมล
รายการทรัพย์สินอื่นๆ ที่ตรวจสอบพบในชั้น ป.ป.ช. อาทิ
เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในชื่อ นายธาริต 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 1,254,673 บาท
เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในชื่อ นางวรรษมล 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 236,827 บาท
เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคาร ในชื่อ นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์4 บัญชี รวมเป็นเงิน 2,010,350 บาท
ที่ดินโฉนด หลายแปลง ในชื่อ นายธาริต - นางวรรษมล -นายสนชัย ศรีทองกุล -นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ ที่ปทุมธานี นครราชสีมา (ปากช่อง)
บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น เลขที่ 444 และสิ่งปลูกสร้างไม่มีเลขที่จำนวน 5 หลัง ในชื่อ “ฟิออเร่ ปาร์ค” ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปลูกสร้างบนที่ดิน โฉนดกรรมสิทธิ์ในชื่อนางวรรษมล
รถยนต์ยี่ห้อ MERCEDES BENZ รุ่น E 250 -TOYOTA รุ่น ALPHARD กรรมสิทธิ์ในชื่อนางวรรษมล ฯลฯ
4. น่าคิดว่า ชะตากรรมของนายธาริต สุดท้ายจะอยู่ในสภาพใด?
ที่ติดคุกอยู่ตอนนี้ ก็เพราะไปหมิ่นประมาท หวังเล่นงานนายสุเทพ
ยังมีคดีความรออีกมาก
ก่อนหน้านั้น 3 เม.ย. 2560 นายธาริตถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ
ถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องจากต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกคดีความผิดฐานหมิ่นประมาทและคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการรวม ๒ คดี และถูกลงโทษไล่ออกและปลดออก เพราะกระทำผิดวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น โดยคำสั่งอันถึงที่สุด
ยศถาบรรดาศักดิ์ เครื่องราช ทรัพย์สินเงินทอง ก็จะต้องถูกติดตามยึดจนไม่เหลือ?
กรรม คือ ผลจากการกระทำของตนทั้งสิ้น
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี