สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอนำความเห็นของศ.(เกียรติคุณ)ดร.นพ.สมชัย บวรกิตติ ราชบัณฑิต และอดีตหัวหน้าวิชาโรคระบบการหายใจ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่กล่าวถึง “แร่ใยหิน” หนึ่งในประเด็นที่มีข้อถกเถียงกันว่าสมควรห้ามใช้อย่างเด็ดขาดในทุกกรณีหรือไม่ หลังมีข้อกังวลว่าอาจก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ มานำเสนอกับท่านผู้อ่าน ดังนี้
“ฝุ่นใยหินในอากาศ หรือที่เรียกว่ามลภาวะฝุ่นใยหินทางอากาศ”..จากผลงานของผมทั้ง 2 ครั้ง รวมถึงผลงานที่ฝรั่งทำไว้หลายครั้ง มันก็แสดงแล้วว่า ในบรรยากาศทั่วไปมีใยหิน มากน้อยแล้วแต่ว่าใกล้แหล่งที่มีใยหินหรือเปล่า ฉะนั้นการที่มันมีอยู่ในอากาศก็เหมือนฝุ่นธรรมดา“คุณหายใจฝุ่นซิลิก้า ฝุ่นแป้ง มันก็เป็นโรคได้ แต่ใยหินกลับแปลก ที่ในประเทศไทย หายใจเข้าไปแต่ก็ยังไม่เป็น...ไม่มีใครเป็น ที่รายงานไว้ 2 ราย มีแต่ประวัติและการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ แต่ไม่ได้มีการพบใยหิน” อาศัยเพียงแต่ประวัติอย่างเดียว ก็บอกว่าเป็นโรคเหตุใยหินไม่ได้
ที่บอกว่าพบผู้ป่วยเนื้องอกเยื่อหุ้มปอด จากรายงานในวารสาร รายนั้นคุณหมอยอมรับแล้วว่าเป็นผู้ป่วยที่มีประวัติเท่านั้น ไม่ได้มีการตรวจโดยละเอียด ผมก็ไม่สามารถที่จะยืนยันได้ว่าเป็นโรคเหตุใยหิน พอได้ฟังได้เห็นข่าวนี้แล้ว ก็ดีใจถ้าเขาสามารถยืนยันโดยมีรายงานออกมาครบถ้วน เพราะผมไม่เห็น รายงานเพียงแต่กล่าวอ้างเฉยๆ ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่
ส่วนที่รายงานพบชาวอังกฤษ 1 ราย ป่วยเป็นโรคเหตุใยหิน เสียชีวิตที่เชียงราย รายนั้นผมก็เขียนโต้ในวารสารวิชาการแล้วว่า คนนั้นเป็นโรคเหตุใยหินจริงๆแต่เขาเป็นตั้งแต่อยู่เมืองนอก ไม่ได้มาเป็นในเมืองไทยในประวัติที่คุณหมอให้ไว้ก็ชัดเจนว่าคนนี้เพิ่งมาอยู่ไทยได้ 3-4 ปี ซึ่งโรคนั้นต้อง 20 ปี ถึงจะเป็นได้ เพราะฉะนั้นเขารับมาตั้งแต่ประเทศอังกฤษ ไม่เกี่ยวกับประเทศไทย
กรณีฐานข้อมูลของ Health Data Center ระบุพบผู้ป่วยโรคเหตุใยหิน 28 ราย เป็นมะเร็งเยื่อเลื่อม 26 รายเยื่อหุ้มปอดอักเสบ 2 ราย อันนี้ถ้าเป็นจริง อุบัติการณ์ของโรคก็ยังน้อยมาก ผมไม่เคยเห็นรายงานที่ว่ามีโรคเหตุใยหินในช่วงนี้ 28 ราย ยังไม่เห็นรายงาน ถึงอย่างไรก็ดีถ้ามี 28 ราย ในระยะนี้ผมก็ยังดีใจเพราะว่าโรคเหตุใยหินในเมืองไทยนี้มันมีน้อยเหลือเกิน ถ้าเปรียบกับโรคอื่นๆ ที่น่ากลัวมากกว่านี้ยังมีอีกเยอะ
สมัยอยู่ศิริราช 30 กว่าปี ให้พยาธิแพทย์ตรวจศพที่ตายในโรงพยาบาลโดยที่ศพไม่ได้เป็นโรคเหตุใยหิน 300 กว่าราย พบเทห์ใยหิน asbestos body พบเพียง1 ใน 3 หรือ 30% แต่ทุกรายเป็นโรคอื่นๆ ไม่ได้เป็นโรคใยหิน ตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้สรุปว่าใยหินมาจากไหน 30 ปี ต่อมา 2 ปีที่แล้วผมก็ไปชวนหมอที่ รพ.รามาธิบดี ให้ทำการตรวจอีก ตรวจเสร็จก็พบ 33% พบมากกว่า 30 ปีที่แล้ว แต่ทุกรายก็เป็นโรคอื่นไม่ได้เป็นโรคเหตุใยหินเลยสักราย
เพราะฉะนั้นผมก็เริ่มมาสรุปว่า ใยหินในอากาศมาจากภูเขาไฟระเบิดก็ได้ มาจาก อุบัติภัย เช่น พายุน้ำท่วม แผ่นดินถล่ม สามารถมีฝุ่นใยหินขึ้นมา ในอากาศได้บังเอิญผมไปพบรายงานของเมืองนอก คนที่เป็นโรคใยหิน ชาวเอเชียเป็นน้อยกว่าคนทางยุโรป อเมริกา แต่คนเอเชียไม่ค่อยเป็น มันมีภูมิต้านทาน หรือ มีภูมิไวรับไม่มีภูมิไวรับ เพราะฉะนั้นคนไทยก็เป็นคนเอเชีย ถึงจะได้หายใจเอาใยหินในอากาศก็ไม่เป็นโรคเหตุใยหิน เขาไม่ได้ทำในโรงงานนะ ทั้งสองรายงานไม่มีใครทำงานในโรงงานเลย
“เมื่อคนไข้ไม่สบายมา ถ้าทำงานโรงงานที่ใช้ใยหิน ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคเหตุใยหิน ก็ต้องตรวจวินิจฉัยไป ถ้ามีอาการโรคที่แสดงว่าตรงกับใยหินก็ต้องพิสูจน์ต่อไป ตรวจหาใยหิน ถ้าไม่พบใยหินก็ไม่สามารถวินิจฉัยว่าเป็นโรคเหตุใยหินได้ การวินิจฉัยโรคเหตุใยหิน ต้องดำเนินการเหมือนการวินิจฉัยโรคทั่วๆ ไป ดูประวัติว่าสัมผัสกับโรครึเปล่า จะเป็นเชื้อโรคจะเป็นใยหิน หรือจะเป็นอะไร เมื่อได้ประวัติแล้ว อาการของเขาหรือการตรวจต่างๆ เช่น เอกซเรย์ต่างๆมันเหมือนโรคใยหิน แต่พอไปตรวจชิ้นเนื้อมันไม่พบ เราก็บอกไม่ใช่โรคเหตุใยหิน
เขาจะอ้างจากประวัติคนงานอย่างเดียวเท่านั้นว่า ทำงานโรงงานใยหิน หน้าตาโรคคล้ายๆ โรคใยหินก็วินิจฉัยว่าเป็นโรคเหตุใยหิน แต่จริงๆ เขายังไม่ได้พบหลักฐานในรอยโรคของเขาว่าเป็นโรคเหตุใยหิน ไม่ใช่ว่าเขาวินิจฉัยไม่ละเอียดนะ เขาวินิจฉัยละเอียดแต่ลงความเห็นไม่ถูกต้อง เขาลงความเห็นจากประวัติเท่านั้นที่อาจจะสัมผัสใยหิน ทำงานโรงงานใยหินไม่จำเป็นต้องสัมผัสใยหิน แล้วก็เป็นโรคที่หน้าตาคล้ายโรคเหตุใยหิน แล้วเขาก็อ้างว่าเป็นโรคเหตุใยหิน ทั้งๆ ที่ชิ้นเนื้อก็ไม่ได้แสดง
แต่ตอนนี้ผมต้องพูดนิดหนึ่งว่า สมมุติถ้าคนไข้ของเขามีชิ้นเนื้อแสดงคือพบเทห์ใยหิน จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคเหตุใยหินก็ยังก้ำกึ่งอยู่ เพราะคนธรรมดาก็พบได้ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเหตุใยหินถึงจะพบ การพบโรคใยหินก็มีแต่มีไม่กี่รายในประเทศไทย โดยมากยังไม่มีหลักฐานยืนยัน คือมีไม่กี่รายที่มีหลักฐานยืนยัน ส่วนใหญ่ไม่มี เพราะฉะนั้นการที่เราจะลงความเห็นมันต้องมีรายงานยืนยันชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่พูดกันด้วยปาก”
ถ้าพูดถึงโรคเหตุใยหิน สำคัญที่สุดก็คือรัฐบาลต้องควบคุมโรงงานให้ดี ผมพูดในฐานะที่ผมเป็นหมอทุกวันผมใช้ยาให้คนไข้ยาทุกตัวมีพิษทั้งนั้น ถ้าใช้ไม่ถูกต้องเพราะฉะนั้น ถ้าใช้ให้ถูกต้องมันก็ไม่เป็นพิษเป็นภัย และประชาชนไม่น่าวิตก จากผลงานของผมตรวจพบเทห์ใยหินแต่ก็ไม่เห็นเป็นโรคใยหินเลย ก็ไม่น่าตกใจ และอีกอย่างไม่มีรายงานโรคเหตุใยหินจากโรงงานมากมาย นอกจาก2-3 ราย ที่มีคนเขารายงานไว้ เพราะฉะนั้นผมว่าอาจจะเป็นเพราะรัฐบาลควบคุมโรงงานให้ปลอดภัยคือมันไม่มีฝุ่นใยหินออกมากระทบกับคนงาน
อันที่สองอย่างที่กล่าวมาแล้วคือคนไทยเรามีภูมิต้านทานใยหินมากกว่าคนทางยุโรปหรือว่าอเมริกา เพราะฉะนั้นในเมืองไทยไม่น่ากลัวโรคเหตุใยหิน ถ้าโดยรายงานสองครั้งของผมและของต่างประเทศ เพราะว่าเรามีฝุ่นใยหินอยู่ในอากาศอยู่แล้ว และคนก็หายใจเข้าไป ผมก็ยืนยันชัดเจนแล้วว่า 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ มีใยหิน
ในปอดชัดเจนเลย แต่เขาก็ไม่เป็นโรคเหตุใยหิน แล้วคนไปทำงานโรงงานใยหินก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
“เพราะฉะนั้นผมว่าจะไปกลัวอะไร ใยหินที่ใช้ปัจจุบันก็เป็นใยหินประเภทที่มีพิษน้อยมาก ไครโซไทล์มีพิษน้อยมาก โรงงานที่ใช้ใยหินในประเทศไทย คือใช้ไครโซไทล์นะเวลานี้ และอีกอย่างแพทย์ไทยก็เก่งสามารถวินิจฉัยโรคต่างๆ ได้ ไม่แพ้ฝรั่ง ก็ยังพบโรคเหตุใยหินไม่กี่ราย เพราะฉะนั้นเราจะไปกลัวอะไร ก็ไม่เห็นน่ากลัว ในอากาศก็มี ในโรงงานก็ควบคุมดี หายใจเข้าไปก็ไม่เห็นเป็นอะไร เพราะคนไทยเก่งสู้ใยหินได้”!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี