สังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ใช่สังคมประชาธิปไตย “ฟันปลอม” หรือสังคมที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยแต่เปลือกแต่เนื้อในเป็นการปกครองเผด็จการไม่ว่าในรูปแบบใดดังเช่นสังคมไทยในปัจจุบัน กล่าวคือ กติกาการปกครองที่เรียกว่า “รัฐธรรมนูญ” ฉบับปัจจุบันแม้จะดูเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามแบบสากล คือ แบ่งออกเป็นอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ แต่ในทางปฏิบัติหาได้เป็นเช่นนั้นไม่โดยเฉพาะอำนาจนิติบัญญัติที่ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนแต่ก็มีสภาสูงที่มาจากการแต่งตั้งจากผู้มีอำนาจเผด็จการเดิม
นอกจากนี้ สมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งก็เกิดจากพลังพิเศษที่เรียกว่า พลังดูด ด้วยกลวิธีต่างๆ เช่น มีการที่เรียกว่า แจกกล้วย (ให้ลิง) รวมทั้งที่เรียกว่า “งูเห่า” ซึ่งเกิดจากเล่ห์เพทุบายของกลุ่มผู้ต้องการแสวงหาอำนาจซึ่งแปลงร่างมาจากผู้เผด็จการมาสู่ระบบเผด็จการประชาธิปไตยซึ่งมีศัพท์ที่เกิดจาก ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรียกว่าประชาธิปไตย “ฟันปลอม”กลุ่มนักการเมืองที่ถูกดูดมาเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากอดีตนักการเมืองที่ถูกคณะปฏิวัติกล่าวหาว่าเป็นนักการเมืองสีเทาที่เคยเป็นสมุนของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ต้องระเหเร่ร่อนอยู่ในต่างแดนจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี สภาพการณ์ของประเทศนับตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557เป็นต้นมา สภาพความวุ่นวายทางการเมืองและสังคมดูจะสงบดีแต่การบริหารทางเศรษฐกิจเป็นเศรษฐกิจขาลงจนทำให้ผู้มีอำนาจการบริหารประเทศกลับนำลัทธิประชานิยมที่รัฐบาลชุดที่ถูกปฏิวัติกลับมาใช้อีกอาจเป็นเพราะผู้บริหารที่ทำการปฏิวัติมีหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจคนเดียวกับชุดที่ถูกปฏิวัตินโยบายการช่วยเหลือคนยากจนจึงใช้นโยบายประชานิยมแต่ขยายการช่วยเหลือมากกว่าในอดีตผลจึงไม่ทำให้คนจนหมดประเทศแต่กลับเพิ่มขึ้นอีก เพราะลัทธิประชานิยมไม่มีทางแก้ปัญหาได้นอกจากจะนำทฤษฎี “สังคมนิยมประชาธิปไตย” ซึ่งแทนที่จะแจกเงินให้คนยากจนเสมือน “แจกปลาให้กิน” แต่ให้ “เบ็ดกับเหยื่อ” ไปตกปลาเอง
หมายความว่า ต้องพัฒนาคนยากจนให้รู้จักวิธีการใช้ชีวิตและบริหารจัดการความเป็นอยู่ของตนตามหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และรัฐบาลจัดการฝึกอบรมในเรื่องการทำมาหากินด้วยการจัดการอบรมโดยแบ่งประชาชนเป็นกลุ่มพร้อมการให้ความรู้เกี่ยวกับการเมืองการปกครองว่าประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เมื่อผ่านการอบรมดังกล่าวแล้วรัฐบาลก็ให้ยืมเงินเป็นทุนนำไปประกอบอาชีพโดยไม่คิดดอกเบี้ย แต่กำหนดเวลาใช้คืนโดยมีข้าราชการหรือบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลก็ได้ ถ้ารัฐบาลมีแนวทางดังกล่าวข้างต้น หรือวิธีการอื่นใดที่จะทำให้ประชาชนที่ยากไร้ลืมตาอ้าปากและพัฒนาให้เขาเหล่านั้นเข้าใจถึงความเป็นผู้มีความสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยได้ สังคมไทยจะพ้น “วงจรอุบาทว์” ที่เกิดขึ้นตลอดมานับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 จึงถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งหวังว่าเป็นการปฏิวัติครั้งสุดท้าย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี