ปัญหาที่คนไทยส่วนใหญ่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันเปรียบได้กับเรือลำใหญ่ที่แล่นอยู่กลางมหาสมุทรบรรทุกผู้โดยสารจำนวนมากและกำลังประสบมรสุมที่กัปตันกำลังพยายามนำเรือให้พ้นจากเหตุการณ์
ดังกล่าว ประเทศไทยในปัจจุบันก็เช่นกันกำลังเผชิญกับมรสุมลูกใหญ่ที่เกิดขึ้น ได้แก่ มรสุมด้านการเมือง มรสุมด้านเศรษฐกิจ และมรสุมด้านสังคม ที่รัฐบาลแปลงตัวมาจากรัฐบาลเผด็จการสู่รัฐบาลประชาธิปไตยครึ่งใบ
กล่าวคือ ด้านการเมืองในฐานะรัฐบาลเผด็จการปกครองประเทศเป็นเวลากว่า 5 ปี ทำให้หัวหน้าคณะปฏิวัติ คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลายเป็นนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเด็ดขาดในรูปแบบเผด็จการ คำสั่งของผู้เผด็จการเป็นกฎหมายที่ไม่มีการตรวจสอบ คำสั่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
คือ กฎหมายที่ใครจะโต้แย้งมิได้ ครั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจากระบอบเผด็จการตามรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2560 เป็นระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบทำให้เกิดองค์กรทางการเมืองขึ้นอีกองค์กร นั่นคือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่ในองค์กรนี้มีสมาชิก 2 คณะ คือ สมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนกับสมาชิกวุฒิสภา
สำหรับสมาชิกวุฒิสภาก็คงยังแต่งตั้งจากคณะปฏิวัติมิได้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบเผด็จการมาเป็นระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพรรคการเมืองที่เกิดจากพลังดูดในรูปแบบต่างๆ จนเกิดคำว่า“แจกกล้วย” ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปจากการเปลี่ยนแปลงนี้
หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับคณะ (ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีสำคัญเป็นคนเดิม) ได้บริหารประเทศมาเป็นระยะเวลา 6-7 เดือน พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นสภานิติบัญญัติขออภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งก็เป็นปกติในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแม้ว่าผลการลงมติจากการอภิปรายก็จะลงเอยด้วยมือในรัฐสภาที่ปัจจุบันนี้ฝ่ายรัฐบาลคงชนะอย่างแน่นอน เนื่องจากการเมืองของประเทศไทย มีวิธีการที่จะทำให้ฝ่ายรัฐบาลซึ่งประกอบด้วยพรรครัฐบาลเอง พรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งมีสมาชิกในสภาที่เรียกว่า “งูเห่า” และ “รับกล้วย” ที่ทำให้การลงมติที่ฝ่ายรัฐบาลเป็นฝ่ายชนะแน่นอน
อย่างไรก็ดี ผลที่เกิดขึ้นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ประชาชนจะได้รับความจริงที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนสุภาษิตที่ว่า “ขยะซุกอยู่ใต้พรม” ที่ผู้กระทำคือรัฐบาลต้องชี้แจงข้อเท็จจริงโดยเฉพาะปัญหาการคอร์รัปชั่น นอกจากนี้ปัญหาที่ประชาชนกำลังเผชิญภาวะความเป็นอยู่ที่ลำบากเพราะประเทศกำลังเผชิญอยู่ในภาวะเศรษฐกิจขาลงทำให้ความทุกข์ยากของประชาชนแผ่ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเคยกล่าวว่าคนยากจนจะหมดประเทศ คือ ความเป็นอยู่จะดีขึ้นหรือคนยากจนอดยากจนเสียชีวิตจะหมดประเทศ
การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจกับปรากฏว่า ยิ่งแก้ประชาชนยิ่งจนลงจากคนยากจนกลายเป็นยาจกเพราะนโยบายประชานิยมที่ส่งผลให้นายทุนมีความมั่งคงมากขึ้น แต่ประชาชนยากจนลง เมื่อการบริหารทางเศรษฐกิจได้ผลตรงกันข้ามปัญหาทางสังคมก็เป็นไปในทางเดียวกัน คือ เกิดชนชั้นขึ้นในสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งในการเข้าถึงเรื่องสาธารณสุข ได้แก่ การรักษาพยาบาลแทนที่จะดีกับแย่ลงทำให้คิดว่ารัฐบาลบริหารงานตลอดระยะเวลาที่มีอำนาจเด็ดขาดจนกระทั่งปัจจุบัน ผลที่เกิดขึ้นกับประชาชนโดยเฉพาะคนชั้นกลางล่างและคนชั้นล่างทางเศรษฐกิจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นการเปิดอภิปรายครั้งนี้คงจะเห็นว่าความล้มเหลวของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับคณะมีความไม่ชอบมาพากลอย่างไร และคำตอบจากปากของนายกรัฐมนตรีและผู้ถูกอภิปรายคนอื่นจะตอบอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการคอร์รัปชั่นและความเหลื่อมล้ำทางสังคม และผลสุดท้ายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรีและตัวนายกรัฐมนตรีมากน้อยประการใด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี