การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งแรกหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยึดอำนาจการปกครองจากการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองโดยระบอบเผด็จการและผ่อนคลายมาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบโดยมีผู้บริหารประเทศคือรัฐบาลที่มีผู้นำเป็นอดีตผู้เผด็จการ ได้แก่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย พรรคที่สนับสนุนและพรรคอื่นๆ ที่เป็นพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กเข้าร่วมรัฐบาล
และเมื่อบริหารประเทศมาได้ระยะหนึ่งก็มีการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจากพรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคเพื่อไทยกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีข้อที่น่าสังเกตคือเมื่อเริ่มเปิดอภิปรายสมาชิกฝ่ายค้านคนหนึ่งได้ใช้เวลาอภิปรายนานกว่า 3 ชั่วโมง แต่การอภิปรายที่ใช้เวลานานมากเป็นการอภิปรายที่เรียกว่าน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง กล่าวคือ เริ่มต้นก็ทำท่าจะดีโดยนำปัญหาในการบริหารของรัฐบาลที่ล้มเหลวแต่ยิ่งอภิปรายนานเท่าใดยิ่งมีสาระสำคัญน้อยมากทำให้การอภิปรายเสียเวลา ซึ่งมีผลกระทบต่อการอภิปรายครั้งนี้จนในที่สุดรัฐมนตรีที่ต้องถูกอภิปราย จำนวน 6 คน ที่ประชุมต้องยุติก่อนที่จะอภิปรายครบทั้งหมดทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้นผู้อภิปรายที่ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ยังสรุปด้วยการท้านายกรัฐมนตรีดวลปืนกันตัวต่อตัวอีกซึ่งแสดงความเลอะเทอะที่สุดไม่สมควรจะเป็นตัวแทนของปวงชนในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเสียทั้งเวลาเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผู้แทนปวงชนควรจะนำเอาข้อบกพร่องของรัฐบาลในการบริหารประเทศมาซักถามเพื่อที่รัฐบาลจะได้แก้ไขหรือชี้แจงให้ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศเข้าใจผู้ซักถามซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่มีวุฒิภาวะดังกล่าวไม่สมควรจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของปวงชน
พฤติกรรมเช่นนี้จึงกล่าวได้ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่สังคมไทยไม่เป็นสังคมประชาธิปไตยนับแต่เปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตั้งแต่ พ.ศ. 2575 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 88 ปี แต่สังคมการเมืองไทยยังวนเวียนอยู่กับการปกครองระบอบที่เรียกว่าประชาธิปไตยกับการปกครองระบอบเผด็จการสลับกันไปมาจนถึงปัจจุบันที่เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบเพราะนักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเป็นตัวแทนมีวุฒิภาวะต่ำไม่เข้าใจในการปกครองระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้งเป็นตัวแทนของประชาชนจำนวนหนึ่งได้ชัยชนะจากการเลือกตั้งที่มาจากการซื้อเสียงด้วยเงินหรือสิ่งของบางคนมาจากการใช้อิทธิพลทั้งผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นตัวแทนจำนวนหนึ่งขาดความรู้ความเข้าใจในการทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนอีก
แต่ต้องการมาหาประโยชน์ในการเป็นผู้แทน สรุปรวมความได้ว่าแม้ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่ประชาชนบางส่วนก็ยังไม่มีจิตวิญญาณตลอดจนวุฒิภาวะจึงไม่เข้าใจการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือมีจุดประสงค์อื่นทำให้ประเทศต้องตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ตลอดมาจนถึงปัจจุบันและอาจเป็นเช่นนี้ต่อไปในอนาคต การอภิปรายนอกสภาฯ จึงเกิดขึ้นและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นประชาธิปไตยตลอดมา ดังเช่นการเดินขบวนของประชาชนใน พ.ศ. 2500 เลือกตั้งสกปรก การเดินขบวนของนิสิตนักศึกษาประชาชน พ.ศ. 2516การต่อต้านรัฐบาลจนเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 และการยึดอำนาจการปกครองโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พ.ศ. 2557 และในปัจจุบันหลังจากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจบลงด้วยคะแนนไว้วางใจของนายกรัฐมนตรีน้อยกว่าคะแนนของรองนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังไม่ได้ขึ้นอภิปรายแสดงถึงบารมีของรองนายกรัฐมนตรีท่านนี้มีมากกว่านายกรัฐมนตรีเสียอีก
อย่างไรก็ดี หลังจากจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจและการเมืองนอกสภากำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ในฐานะประชาชนที่ผ่านประสบการณ์มาในอดีตรู้สึกไม่สบายใจถ้ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์จะกลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” ได้ดังเหตุการณ์ในอดีต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี