ระบบการศึกษาของนักศึกษาในขั้นปริญญาตรีได้พัฒนาจากการศึกษาในห้องเรียนเพียงอย่างเดียวจนจบการศึกษานั้นไม่เพียงพอ เพราะในโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้นักศึกษาจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
1.สถาบันอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยจำเป็นต้องปรับตัวจากการสอนให้ห้องเรียนเพียงอย่างเดียวจนจบการศึกษา ควรสอนให้เรียนรู้จากภายนอกห้องเรียนเพื่อให้มีความรู้เพิ่ม นอกจากทางด้านวิชาการแล้ว แต่ต้องสอนให้นักศึกษารู้ว่าเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ด้วย โดยจัดทำโครงการให้นักศึกษาทำงานระหว่างการศึกษาร่วมด้วย
2.ชักชวนให้ผู้สำเร็จการศึกษาที่ไปประกอบกิจการมาระยะหนึ่งกลับเข้ามารับการศึกษาในวิชาการที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เพราะในปัจจุบันโลกมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วต่างกับในอดีตโดยจัดหลักสูตรระยะสั้นเพื่อให้สอดคล้องกับการประกอบอาชีพในการทำงานโดยไม่เสียเวลาในกิจการที่กระทำอยู่
3.สถาบันการศึกษาควรติดตามความเคลื่อนไหวของบัณฑิตตลอดเวลาด้วยวิธีการติดต่อจากตัวบัณฑิตเอง นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน ซึ่งมหาวิทยาลัยควรจัดให้มีสำนักงานนิสิตเก่าสัมพันธ์โดยมหาวิทยาลัยร่วมมือกับนิสิตเก่าตลอดเวลา
4.มหาวิทยาลัยควรมีโครงการส่งเสริมนักศึกษาดังนี้
4.1 โครงการวิจัยเพื่อส่งเสริมนักศึกษาที่กำลังศึกษา
4.2 โครงการวิจัยเพื่อส่งเสรินักศึกษาให้สำเร็จการศึกษา
5.สนับสนุนคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยให้สนใจในการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ โดยมหาวิทยาลัยจัดให้มีอาจารย์อาวุโสทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาคณาจารย์ในการทำงานเพื่อพัฒนาเข้าสู่ตำแหน่งวิชาการ
6.ส่งเสริมให้คณาจารย์ในมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสศึกษาและดูงานในสถาบันอุดมศึกษาอื่น ทั้งภายในและภายนอกประเทศเป็นระยะๆ
7.ส่งเสริมให้คณาจารย์ทำงานวิจัยในสาขาวิชาที่รับผิดชอบในการสอนทั้งงานวิจัยเดี่ยวและร่วมกับคณาจารย์อื่นในสถาบันที่ตนทำงานอยู่และหรือร่วมกับคณาจารย์ในต่างสถาบันทั้งในและต่างประเทศ
สรุปเนื่องจากสภาพปัจจุบันนี้ วิทยาการต่างๆ ในวงวิชาการได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ถ้าคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยไม่ตื่นตัวในการพัฒนาวิชาการของตนเองตลอดเวลา ผลที่เกิดขึ้นจะทำให้ตัวอาจารย์เองและมหาวิทยาลัยล้าหลังตกรุ่นได้ตลอดเวลา มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาการบริหารสถาบัน คณาจารย์ให้ทันการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้น มหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัยจึงต้องแข่งขันกันในเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ อาจารย์จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคุณภาพให้แก่มหาวิทยาลัยที่ตนสังกัด เพราะถ้ามหาวิทยาลัยเปรียบเป็นโรงงาน คณาจารย์ก็เปรียบเสมือนเครื่องจักรที่ผลิตสินค้า คือ นักศึกษา ถ้าเครื่องจักรดี ผลผลิต คือ นักศึกษา ก็จะดีทำให้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเป็นที่ยอมรับในสังคมวิชาการ ผลผลิต (บัณฑิต) ของสถาบันจะเป็นที่ยอมรับในวงการศึกษาและตลาดแรงงานด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี