การทุจริตคิดมิชอบฉ้อราษฎร์บังหลวงที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลกมานานแล้วและไม่มีใครให้ความสนใจมากนักทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศเองก็พูดกันไม่ออกในขณะที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดทำอันตรายชาวโลกเป็นจำนวนหลายล้านคน และมีคนตายไปแล้วมากกว่า 3 แสนคน นั้นคือ ปัญหาที่แพทย์ผู้รักษาโรคมีนอกมีในกับดีเทลของบริษัทยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งปัญหานี้หมักหมมกันมานานนักหนาเป็นร้อยปีแล้วทั้งในไทยและประเทศที่เจริญแล้วเช่นในสหรัฐอเมริกาและหลายๆประเทศในยุโรป
ในบ้านเรานั้นเมื่อไม่นานมานี้มีหนังสือจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ครม. เรี่องมาตรการป้องกันทุจริตกรณีผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่โรงพยาบาลรับเงินจากดีเทลยาของบริษัทยาเป็นปมเงิน 24.4 ล้าน ในบัญชีกองทุนสวัสดิการโรงพยาบาลระยอง ต่อมามีกรณีปัญหาที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นเป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง กรณีโรงพยาบาลรับเงินบริษัทยา
กรณีโรงพยาบาลขอนแก่นนั้นกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีคำสั่งให้ นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุลผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ไปปฏิบัติงานที่กองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข และให้นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า ดำรงตำแหน่งรักษาราชการผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น แทน สื่อมวลชนได้ไปถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ในเรื่องนี้แต่นายอนุทินได้เลี่ยงไม่ยอมตอบในเรื่องนี้
หลังจาก นพ.ชาญชัยถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกรณีมีผู้ร้องเรียนในลักษณะบัตรสนเท่ห์ว่า นพ.ชาญชัยเรียกรับเงินจากบริษัทยาร้อยละ 5 ซึ่งเข้าข่ายเรียกรับผลประโยชน์ต่างตอบแทน ระหว่างเดือนมี.ค.-ต.ค.2561 ขณะที่ นพ.ชาญชัยชี้แจงว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากการรับเงินบริจาคจากบริษัทยานั้นมีมาตั้งแต่ปี 2508 แต่ภายหลังได้รับคำสั่งจากทางกระทรวงเมื่อเดือนมี.ค. ปี 2561ได้ประชุมกรรมการบริหารและทำหนังสือเวียนแจ้งไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องงดรับเงินบริจาคจากบริษัทยา แต่ยอมรับว่าในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.2561 มียอดเงินบริจาคผ่านกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น เดือนละ 1 ล้าน3 แสนบาท จากปกติจะมียอดบริจาคเฉลี่ยเดือนละ 2 ล้านบาท ซึ่งก็เข้าใจว่าเงินบริจาคไม่ได้มาจากบริษัทยา เนื่องจากได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกหน่วยงาน
รวมถึงบริษัทยาด้วย ทั้งนี้ นพ.ชาญชัย เผยว่า ภายหลังกระทรวงมีคำสั่งให้งดรับเงินบริจาคจากบริษัทยา ในเดือนพ.ย. ปี 2561 ทางโรงพยาบาลได้ปิดกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น โดยให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา บริจาคผ่านบัญชี “เงินโรงพยาบาลขอนแก่น” แทน
ประเด็นการโยกย้ายนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวคัดค้านของบุคลากรเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่นและแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ในขณะนี้ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า โรงพยาบาลในสังกัดรัฐบาลนั้นได้รับเงินบริจาคจากบริษัทยามานานมากกว่า 60 ปีแล้ว ซึ่งเป็นการต่างตอบแทนกัน
ระหว่างบริษัทยากับโรงพยาบาลและแพทย์ด้วย แต่เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2560 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอ มาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
ข้อเสนอแนะในเชิงระบบก็คือ การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดซื้อยา (ข้อ 1.3) “ห้ามไม่ให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อทำการหารายได้ในลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทนทุกประเภทจากบริษัทยาเข้ากองทุนสวัสดิการพยาบาล” และให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อใช้กลไกต่อรองราคาตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติกำหนด
โดยระบุว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้รับเรื่องกล่าวหาร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งพบว่ามีการกระทำในลักษณะของการทุจริตจำแนกออกเป็น3 กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มผู้ใช้สิทธิและเครือญาติมีพฤติกรรมตระเวนใช้สิทธิรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆทุก 1-3 สัปดาห์
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นสมควรเสนอมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัดิการรักษาพยาบาลข้าราชการต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 19 (11)แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้เพิ่มเติมปี 2554
ปัญหาทุจริตในโรงพยาบาลนั้นมีมานานแล้ว ในต่างประเทศเองก็มีข่าวในทำนองนี้บ่อยๆ ในไทยนั้นมีเอ็นจีโอที่เป็นอดีตแพทย์ที่เกษียณจากงานแล้วได้ไปตั้งมูลนิธิเคลื่อนไหวในเรื่องสุขภาพเป็นที่รู้กันมานานว่าได้ทุนจากต่างประเทศมีการแลกรับผลประโยชน์กันตลอดมาเป็นสิบๆ ปี เป็นข่าวที่ไม่มีใครเปิดเผย สังคมสงสัยว่าแพทย์บางคนมีฐานะร่ำรวย ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักษาคนไข้แล้วแต่ทำไมมีเงินไปเที่ยวรอบโลกบ่อยครั้งได้อย่างไร อาจเป็นเพราะเงินสนับสนุนจากบริษัทยาบางแห่งของต่างประเทศก็เป็นได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี