ช่วงปลายปี 2562 “ฟองสนาน จามรจันทร์” โหรหญิงชื่อดังผู้ชอบออกตัวว่าเป็นแค่โหรสมัครเล่นได้ทำนายดวงเมืองไทยปี 2563 ด้วยการยึดเอาวันที่ 23 เมษายน 2325 เป็นหลักตามดวงเมืองไทยว่าต้นปีประเทศไทยและทั่วโลกจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงซึ่งไม่สามารถระบุว่าเป็นอะไร แต่ก็เกิดผลระบาดรุนแรงจากไวรัสโคโรนา 2019 แต่หลังจากวันที่ 23 เมษายน 2563 ไปแล้วสถานการณ์ในประเทศไทยจะเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ส่วนการเมืองไทยนั้นต้นปี 2563 ตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดวงอาจจะไม่ดีนักเพราะเป็นปีชง แต่หลังจากวันที่ 23 เมษายน 2563 ไปแล้ว ดวงของพลเอกประยุทธ์จะดีมากขึ้นตามลำดับประเทศไทยจะค่อยๆ เข้าสู่ยุคที่เรียกว่าไทยศิวิไลซ์ทุกๆ อย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทางในที่สุดพลเอกประยุทธ์จะมั่นคงในทางการเมืองคะแนนนิยมในตัวของพลเอกประยุทธ์จะเพิ่มมากขึ้น
การบริหารประเทศจะไปในแนวทางที่ดีมากขึ้น ซึ่งผลของการทำนายปรากฏว่าโหรฟองสนานแม่นจริงๆ ดูตามเหตุการณ์แล้วไทยมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะฝีมือนายแพทย์และพยาบาลทำให้โรคไวรัสระบาดน้อยมากกลายเป็นประเทศชั้นนำของโลกด้านการสาธารณสุข แม้การเมืองในระยะเดือนมิถุนายน พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล 2 พรรคคือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์จะดูรวนๆ ส่อเป็นพรรคแตกทั้งคู่ ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็จะมีข่าวว่าพรรคจะแตก
แต่ว่าเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ของนายทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคตัวจริงได้ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ตามนโยบายที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีลักษณะแบบเยอรมนีนั่นคือต้องมีพรรคการเมืองในกลุ่มประมาณ 7-8 พรรคแต่ละพรรคจะมีสส.เขต 4 คนคะแนนเสียงจะได้สส.ระบบบัญชีรายชื่อ 2 คน ระบบใหม่นี้พรรคการเมืองของทักษิณจะกวาดสส.ได้มากกว่า 280 คน เฉลี่ยพรรคละ35 คน จะชนะเลือกตั้งทันที
ดังนั้นในระหว่างปี 2563 ถึง2565 พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านไปอีก 2 ปีครึ่งร้องเพลงรออย่างอดทนไปก่อน ทางด้านพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคแกนนำและทำให้คะแนนเสียงฝ่ายรัฐบาลมีจำนวน 277 เสียงต่อฝ่ายค้าน 212 เสียง ได้มีการเคลื่อนไหวไปสู่การปรับครม.ในที่สุด เพราะสัดส่วนของสส.แต่ละภาคได้แปรเปลี่ยนไป การออกมาทวงเก้าอี้รัฐมนตรีของกลุ่มต่างๆ จึงมีมากขึ้นเป็นที่คาดหมายว่าการแบ่งสัดส่วนของ สส.ของทุกๆ พรรค ทุกๆ กลุ่มแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้คาดว่าหลังงบประมาณปี 2564 ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรกไปแล้วการปรับครม.น่าจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พรรคพลังประชารัฐ นั้น จะมีการประชุมใหญ่พรรคในวันที่ 3 ก.ค.นี้ เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ ซึ่งจากจำนวน สส. 119 คนนั้น จะได้รัฐมนตรี
15 คน ก็ต้องมีการเกลี่ยกันใหม่ตามสัดส่วนหัวหน้าพรรคคนใหม่จะเป็น พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ หรือไม่คงต้องดูกันต่อไป ทางสายของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะเหลือใครบ้างแล้วแต่การพิจารณาของพลเอกประยุทธ์นายกรัฐมนตรีเป็นคนชี้ขาด พรรคต่อมา คือพรรคภูมิใจไทยที่มี “คุณหมอหนู” นายอนุทินชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคดูแลกับผู้ใหญ่ของพรรคนายเนวิน ชิดชอบ ตามจำนวน สส. 61 คน มีโควตารัฐมนตรี จำนวน 8 คน
พรรคที่ 3 ประชาธิปัตย์มีข่าวแตกแยกกันมีจำนวน สส. 52 คน มีโควตารัฐมนตรี 7 คน นายชวน หลีกภัยประธานที่ปรึกษาพรรคได้ออกมาเบรกความแตกร้าวในพรรคให้ลดกระแสลงไม่ให้แตกระส่ำระสายเหมือนยุค 10 มกราคม มีข่าวลือว่าในเดือนตุลาคม 2563 จะไปเชิญพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา มหาเศรษฐีเมืองชลมาเข้าพรรคหลังเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2563
ที่เหลือเป็นโควตาเก้าอี้ของพรรคเล็กอีก 5 เก้าอี้ มีจำนวน สส.ทั้งหมด 45 คนเป็นพรรคเล็กๆ ต้องแบ่งกันให้ลงตัวหากยังขาดอยู่ นายกรัฐมนตรีก็ต้องเอาเก้าอี้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ตั้งได้อีก30 กว่าเก้าอี้ไปจัดสรรทดแทนตามความเหมาะสมไม่ให้เสียใจกัน นอกจากนี้ก็มีเก้าอี้ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรีไว้ปลอบใจด้วย การปรับ ครม.ครั้งนี้น่าจะทำให้ฐานะทางการเมืองของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ผ่านมรสุมต่างๆ ไปได้
สรุปเป็นการเสริมแกร่งให้แก่รัฐบาลให้ผ่านพ้นไปส่วนการปลุกระดมเอาชื่อของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ มาขายของฝ่ายค้านอ้างว่าหายไปในกัมพูชานั้นปรากฏว่าไม่ได้ผลเพราะประชาชนไม่รู้ว่าเขาเป็นใครอยู่ๆก็เอามาขาย ใส่ร้ายพลเอกประยุทธ์แบบแสดงความไร้น้ำยาโดยแท้
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี