“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม”ขอเริ่มต้นตามสไตล์ “นสพ.แนวหน้า สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ด้วยความสำเร็จของ “คนไทยกว่า 70 ล้านคน ทีมไทยแลนด์ และวงการแพทย์ของไทย” อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ “คณะวิทยาศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล” วิจัยสมุนไพรไทย “กระชายขาว”ที่สามารถยับยั้งป้องกันและรักษา “โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีน” ได้ ซึ่งจากผลวิจัยนี้ทางมหาวิทยาลัยกำลังพัฒนาต่อยอดเพื่อผลิตออกมาใช้รักษาโรคดังกล่าวนี้คาดว่าในราวปลายปี 2564 จักมียาตำรับนี้ออกมาใช้รักษาผู้ป่วยอย่างแน่นอน...
nn นอกจากการวิจัยที่ “ไม้หน้าสาม”ได้นำเสนอข้อมูลและคลิปการแถลงผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ยังมีข้อมูลที่เป็นข่าวดีว่า ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศมานานติดต่อกันกว่า 23 วันแล้วซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย...
nn ล่าสุด“ไม้หน้าสาม”ทราบข้อมูลผลการวิจัย “วัคซีน”จาก “ศาสตราจารย์นายแพทย์เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม รองอธิการบดี และ ทีมวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ผ่านการสัมภาษณ์ของวิทยุ จส.100 ว่า มีความคืบหน้าผลการฉีดวัคซีนเข็มที่สองในสัตว์ทดลอง “ลิง” ปรากฏว่ามี “ภูมิต้านทาน”เพิ่มมากขึ้น นี่ถ้าเป็นวง “ไพ่ป๊อกเด้ง” ถือว่าวงการแพทย์ไทย “กินป๊อก 2 เด้ง” เลย...
nn เดินผ่านวงการสาธารณสุขไทยหันมาดูสถานการณ์การเมืองที่ “อีกา”แต่ละกลุ่ม ชุลมุนฝุ่นตลบล่าสุด พรรคแกนนำรัฐบาล “พลังประชารัฐ” หาข้อสรุปผู้บริหารพรรคชุดใหม่ได้แล้ว “ฝูงนกกระจอก-อีแร้ง” หา “พญาอินทรี”ตัวใหม่ที่หน้าเก่าและเป็น “ผู้เฒ่าชราขี้โรค – พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” มาแทน “ทหารแก่- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ล่าสุดได้คะแนนนิยมจากประชาชนกรณีบริหารงานเฉียบขาดแก้วิกฤติ “โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีน” จนได้รับคำสรรเสริญจากนานาอารยประเทศ พร้อมได้เลขาธิการพรรคนาม “อนุชา นาคาศัย” มาแทนที่ “กลุ่ม 4 กุมาร” ว่ากันว่าฝูง“นกกระจอกและอีแร้ง” ตั้งใจเปลี่ยนตัวผู้นำใหม่ โดยอาศัยช่องว่างในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ใน “หมวดบทเฉพาะกาล มาตรา 272” ที่บัญญัติให้สส.จำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสส.ที่มีอยู่เข้าชื่อเสนอประธานรัฐสภาให้ยกเว้นการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88 ให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภา หากเสียงสมาชิกรัฐสภาจำนวน 2 ใน 3 ของสมาชิกที่มีลงมติให้ยกเว้นมาตรา 88 ได้ก็ให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตามมาตรา 159 โดยไม่จำเป็นต้องเสนอชื่อผู้ที่อยู่ในบัญชีพรรคการเมืองได้ นั่นหมายถึงว่า “เฒ่าชราขี้โรค” มีสิทธิ์ตามล่าฝันขึ้นสู่ตำแหน่ง สูงกว่ารองนายกรัฐมนตรีได้ไม่ยากนัก อย่างน้อยมีบารมีทางการเมืองมากไม่ต่างจาก “ทหารแก่” หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ทั้งยังใจกว้างมือเติบกว่าอีกต่างหาก จากนี้การเมืองไทยอาจจะมีนายกรัฐมนตรี ที่ใส่นาฬิกาหรูยืมเพื่อนมาใช้ !!! อย่างนี้ก็ได้เหรอ...
nn ถึงบรรทัดนี้ “ไม้หน้าสาม” ตั้งประเด็นฉงนสงสัยแค่ว่าเกมการเมืองที่เกิดขึ้นทั้งคลื่นใน “พรรคพลังประชารัฐ” ต่อมายัง “พรรคประชาธิปัตย์” ไปจนถึง “พรรครวมพลังประชาชาตไทย” ที่ “หม่อมเต่า –จัตุมงคล โสณกุล”ลุกจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคอย่างไม่มีปี่กลองเชิด ที่สำคัญสุดทั้งหมดเป็นการเคลื่อนไหวเกิดภายหลังจากที่รัฐสภาพิจารณาอนุมัติ “พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถกู้เงินจำนวนกว่า 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีน” และมีกระแสข่าว “แจกงบฟื้นฟูพื้นที่สส.คนละ 80 ล้านบาท” และเกิดกระแสข่าวผสมพันธุ์ “เดรัจฉานการเมือง” (Animal Farm) สองกลุ่มจัดตั้งรัฐบาลรองรับ “ผู้นำรัฐบาลคนใหม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272” บอกตามตรง“ไม้หน้าสาม” เป็นห่วงเงินกู้จำนวนดังกล่าว ที่เป็นหนี้สินของประเทศ ส่ออาการจักถูกใช้อย่าง “สุรุ่ยสุร่าย”...
nn ล่าสุดสื่อบางสำนักโหมโรงข่าวใหญ่กรณี “ทหารแก่” เตรียมเสนอ “พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้แก่ผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา” ซึ่ง “ไม้หน้าสาม” มองว่าน่าจะหมายถึง คดีแกนนำ “กลุ่ม กปปส. – คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ที่มี “ลุงกำนัน - สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็นโต้โผ และรวมถึงคดีพธม. “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่มี “มหา 5 ขัน–พลตรีจำลอง ศรีเมือง” เป็นโต้โผ โดยจะอ้างสูตรเสน่หาเดิม “เพื่อความปรองดอง” ประเด็นก็คือ สวนทางข้อเรียกร้องของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเดิมทั้ง กลุ่ม “นปช.และกลุ่มคนเสื้อแดง” หรือไม่ และหรือ นี่คือชนวนขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหม่ เพราะทั้งสองกลุ่มที่มีแกนนำชุดเดียวกัน เรียกร้องให้นำคดีเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างที่กลุ่มของฝ่ายตนเองถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนทำให้แกนนำหลายคนสิ้นอิสรภาพ ต้องเข้าไปสำนึกผิดในเรือนจำ...
nn “ไม้หน้าสาม”มีข่าวดีสำหรับประดาลูกหนี้ทั้งหลาย “ธนาคารแห่งประเทศไทย” เตรียมออกมาตรการด้านการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีนเฟสใหม่(ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563) โดย 1.ลดดอกเบี้ยบัตรเครดิต จาก 18% ต่อปี เหลือ 16% ต่อปีถ้าแปลงหนี้เป็นเทอมโลนลดดอกเบี้ยเหลือ 12% ต่อปี 2.บัตรกดเงินสด ลดดอกเบี้ยจาก 28% ให้คงเหลือ 26%ต่อปี 3.สินเชื่อส่วนบุคคล ลดดอกเบี้ยจาก 28% ต่อปีเหลือ 25% ต่อปี กรณีเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ Non Bank ลดดอกเบี้ยจาก 28% ต่อปี เหลือ 22% ต่อปี 4.สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ลดดอกเบี้ยจาก 28% ต่อปี เหลือ 24% ต่อปี 5.สินเชื่อเช่าซื้อลดดอกเบี้ยลง 1% จากสัญญาเช่าเดิม...
nn ทิ้งท้าย ยังมีตัวตนอยู่ในคณะรัฐมนตรีนะเนี่ย!! “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล– กำนันป้อ เจ้าพ่อแป้งมัน อำมาตย์ที่โลกลืม” เป่าสากเงียบกริบนับแต่นั่งเก้าอี้ “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์” บัดนี้โผล่ออกจากกระดองบอกข่าวดี ญี่ปุ่นได้ให้สัตยาบันพิธีสาร เพื่อแก้ไขความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ อาเซียน - ญี่ปุ่น (AJCEP) มีผลบังคับใช้ 1 สิงหาคม 2563 พิธีสารฉบับนี้ เป็นการขยายความตกลง AJCEP ฉบับปัจจุบัน ที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งครอบคลุมเฉพาะเรื่องการเปิดตลาดการค้าสินค้าเป็นหลัก ให้ครอบคลุมไปถึงเรื่องการค้าบริการ การเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา และการลงทุนด้วย ว่ากันว่า “ญี่ปุ่น” ได้ตกลงที่จะเปิดตลาดการค้าบริการให้ไทย ในสาขาที่ไทยสนใจและมีศักยภาพ และเปิดมากกว่าที่ญี่ปุ่นเคยให้ไทยในองค์การการค้าโลก (WTO) และในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยสามารถถือหุ้นได้ 100% ในสาขาบริการ เช่น โฆษณา ร้านอาหาร จัดประชุม จัดทัวร์และนำเที่ยว สปา โรงแรม จัดเลี้ยง บริการด้านการแพทย์และทันตกรรม วิชาชีพพยาบาล บริการคอลเซ็นเตอร์
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี