ปัญหาใหญ่ประการหนึ่งของประเทศของเราคือปัญหาการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงภายในส่วนราชการทั้งราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ถึงแม้เราจะมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและป้องกันการทุจริต ถึง 4-5 หน่วยงานเช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.),สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินฯ
เรื่องหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นใหญ่อยู่ในหลายๆ จังหวัด ก็คือ การที่อปท. ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล, องค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลได้ใช้งบประมาณประจำปีของอปท.ไปสนับสนุนการแข่งขันกีฬาที่เป็นกีฬาอาชีพ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างผู้บริหารของอปท.กับนักการเมืองท้องถิ่นหรือว่าครอบครัวโดยมีตัวอย่างปรากฏข้อมูลอยู่ 3 จังหวัด คือ บุรีรัมย์, ชัยนาท และพิจิตร
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา มีข่าวว่า นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เป็นข่าวกรณีการจ่ายเงินอุดหนุนไปให้สมาคมกีฬา ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเคยถูกสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบพบปัญหาเรื่องการฝ่าฝืนระเบียบ การมีส่วนได้ส่วนเสียหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน กับทีมสโมสรฟุตบอลในจังหวัดที่ได้รับเงินสนับสนุนจากสมาคมกีฬาอีกต่อหนึ่ง ในส่วนของจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดชัยนาท
พิจิตรนั้น สตง.ตรวจสอบพบว่า ในช่วงปี 2553-2554 อบจ.พิจิตร ได้จ่ายเงินอุดหนุนให้แก่สมาคมกีฬาจังหวัดพิจิตรตามโครงการส่งเสริมและพัฒนากีฬาจังหวัดพิจิตรในวงเงิน 15,654,115.12 บาท และเมื่อสมาคมกีฬาจังหวัดพิจิตรได้รับเงินดังกล่าวแล้ว ก็มีการนำเงินไปจ่ายให้กับทีมสโมสรฟุตบอล ทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร และทีมสโมสรฟุตบอล พิจิตร เอฟซี
ในขณะที่การสนับสนุนเงินดังกล่าว นายก อบจ.พิจิตร ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัด และยังเป็นกรรมการบริหารและที่ปรึกษาของสโมสรฟุตบอลดังกล่าวอีกด้วย เบื้องต้นกรณีนี้ สตง. ได้รายงานผลการสอบสวนไปยังจังหวัดพิจิตร ซึ่งทางจังหวัดพิจิตร ได้คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายก อบจ.พิจิตร ในช่วงต้นปี 2561 ซึ่งพบว่า นายก อบจ.พิจิตร มีพฤติการณ์เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกรณีนี้จริง พร้อมรายงานผลการสอบสวนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้พิจารณาสั่งการให้ นายก อบจ.พิจิตร พ้นจากตำแหน่งในช่วงเดือนก.ย. 2561
แต่จนถึงปัจจุบัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังไม่ได้แจ้งผลตอบกลับมาที่จังหวัดพิจิตรแต่อย่างใด ล่าสุดได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในจังหวัดพิจิตร ว่า ในช่วงเดือนธ.ค. 2562 ที่ผ่านมานายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อสอบถามผลการดำเนินการกรณีนี้เป็นทางการอีกครั้ง
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้นายสิริรัฐให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า เรื่องนี้มีการสอบสวนกันมาแล้ว ตั้งแต่สมัยผู้ว่าราชการ คนเก่า ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง ในช่วงเดือนธ.ค. 2562 ทางจังหวัดได้ทำหนังสือไปติดตามความคืบหน้าจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น นายสิริรัฐตอบว่าทางจังหวัดได้ทำหนังสือแจ้งติดตามผลการดำเนินการไปจริง ปัจจุบันยังไม่ได้รับแจ้งผลการดำเนินการตอบกลับมาจากกรมและคงไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้
ด้านนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ให้สัมภาษณ์ชี้แจงว่าขอยืนยันว่าไม่เคยมีประวัติเป็นกรรมการบริหารสโมสรฟุตบอลทั้ง 2 แห่งมาก่อนส่วนที่เป็นที่ปรึกษาให้กับสโมสรฟุตบอลทั้ง 2 แห่งนั้น ก็เป็นเพราะว่า ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ดูแลและปรับปรุงสนามฟุตบอลในจังหวัดพิจิตรเพื่อฟื้นฟูการกีฬาของจังหวัดมาโดยตลอด จึงเป็นเหตุทำให้ได้เป็นที่ปรึกษาของสโมสรทั้ง 2 แห่งด้วยแต่ก็ต้องขอเรียนว่าส่วนตัวแล้วไม่เคยรับผลประโยชน์จากทั้ง 2 สโมสร แต่อย่างใด ในส่วนผลการสอบสวนของทางจังหวัดพิจิตรนั้น ขอเรียนว่า ยังดำเนินการสอบสวนอยู่ และยังไม่ได้ข้อสรุป เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เขาโดนกลั่นแกล้งทางการเมือง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี