“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไปตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม”ขอเริ่มต้นด้วยการตอกย้ำความสำเร็จของวงการแพทย์และสาธารณสุขไทยกรณีวิจัย “วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา โควิด-19” ที่ล่าสุด “ศาสตราจารย์นายแพทย์สุทธิพงษ์ วัชรสินธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศาสตราจารย์นายแพทย์เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด -19”ได้ร่วมกันแถลงผลการทดลองวัคซีนในลิงซึ่งเป็นการฉีดเข็มที่สองตามที่“ไม้หน้าสาม”เคยนำเสนอความคืบหน้ามาเป็นระยะก่อนหน้านี้ โดยสรุปว่าได้ผลดีอย่างยิ่ง ลิงมีภูมิต้านทานเป็นปริมาณสูงขึ้น ขณะที่ไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งคาดว่า สิ้นปีนี้จักสามารถทดลองในคน จากนั้นไม่เกินเดือนตุลาคม 2564 จะส่งผลงานชิ้นนี้ไปให้บริษัทผู้ผลิตวัคซีนในต่างประเทศได้ผลิตเพื่อใช้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ต่อไป นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งในโลกที่เต็มไปด้วย “ทุนนิยม-สังคมนิยม” แล้วท่านผู้บริโภคข่าวสารจากนสพ.แนวหน้า จะมัวรอไรกันอยู่ ปรบมือดังๆ รัวๆ ให้กึกก้องกันบัดเดี๋ยวนี้เถอะ!!...
nn “ไม้หน้าสาม”เห็นความสำเร็จที่อยู่ตรงหน้าแล้ว แม้จะไม่สมบูรณ์ 100% ทว่า เมื่อประเทศไทยเข้าใกล้ที่สุด ก็น่าจะมีการต่อยอดการวิจัยให้ครบด้านนอกจาก “วัคซีน” ป้องกันแล้ว น่าจะต่อยอดงานวิจัยอื่นๆ อาทิ “กระชายขาว” ซึ่ง “คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล” วิจัยจนพบสาร 2 ชนิดที่ชื่อว่า “Panduratin A ที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนาโควิด-19 ได้ผล 100% และ Pinostrobin ที่ “สามารถลดจำนวนเซลล์ติดเชื้อ จาก 100% ให้เหลือ 0% ได้และสามารถยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้อีกด้วยที่มีฤทธิ์มีคุณสมบัติระงับยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ด้วย” เร่งดำเนินการควบคู่กันในขณะที่การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาโควิด-19 ระลอกสองยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย “อย่าให้ไฟไหม้ฟาง – วัวหายล้อมคอก” ดังนั้นหาก “ทหารแก่” พิจารณาตัดสินใจสนับสนุนต่อยอดงานวิจัยน่าจะมีผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ที่สามารถยับยั้งป้องกันได้ก่อนที่จะต้องล็อกดาวน์ประเทศเป็นครั้งที่สอง ซึ่งจะก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาลทั้งความเชื่อมั่นด้านระบบสาธารณสุขทั้งด้านการค้าการลงทุนในประเทศไทยด้วย ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ ปรากฏว่าประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด ยังเป็น “มหาอินทรีจักรวรรดินิยมอเมริกา” ตามด้วย บราซิล และ อินเดีย อีกหลายประเทศกลับมาพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนอีกครั้ง อย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เกาะฮ่องกง ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยงเข้าไปอยู่ในพื้นที่แออัด เช่น สถานบันเทิง ตลาดค้าส่ง ดังนั้น “รัฐบาลทหารแก่”จักต้องใช้ความเด็ดขาดออกมาตรการคุมเข้ม โดยนำเอาเหตุการณ์ที่ปะทุใหม่ในต่างประเทศมาเป็นบทเรียนสำคัญให้ “ทีมไทยแลนด์”ตระหนักและร่วมมือกันรักษาวินัยเฉกเช่นเมื่อเดือนมีนาคม-เมษายน อีกครั้ง ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน ไม่นำตัวเองไปสัมผัสกับความเสี่ยงต่างๆ เลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัดคนรวมกันจำนวนมาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ “ความไม่มีสำนึกของคนหนึ่งคนใดในสังคม อาจจะนำมาซึ่งหายนะที่ “เจ็บแล้วไม่จบ” อีกครั้ง...
nn “ไม้หน้าสาม”มีเรื่องมาประจานกระทรวงสาธารณสุขของ “หมอหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” จากข้อร้องเรียนของแพทย์บางคนที่เสียโอกาสอย่างที่ไม่ควรจะเสียเพียงเพราะอีโก้คนสายนี้รุนแรงแตะต้องแทบไม่ได้ล่าสุด ... มีการร้องเรียนว่า การคัด “แพทย์ประจำบ้าน” ประจำปี 2564 ออกอาการส่อเค้าวุ่น!!! จากกรณี “สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข” เปิดรับสมัครแพทย์เข้าศึกษาฝึกอบรมหลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน ประจำปีการศึกษา 2564 รอบที่ 1 ปรากฏว่ามีโรงพยาบาลต้นสังกัดรับรองคุณสมบัติของแพทย์ที่ประสงค์เข้าฝึกอบรมเป็นจำนวนมาก แต่ดูเหมือนหลายพื้นที่เขตสุขภาพมีปัญหาเกี่ยวกับการคัดเลือกแพทย์ที่จะได้รับทุนเพื่อการฝึกอบรม โดยเฉพาะระบบที่ใช้กรรมการคัดเลือกมีอำนาจใช้ดุลพินิจ ไม่ได้พิจารณาถึง “ความรู้ความสามารถของแพทย์” อย่างแท้จริง ยังมีระบบอุปถัมภ์แบบไทยๆ เบ่งบานอยู่ในคณะกรรมการฯ โดยเฉพาะพื้นที่เขตสุขภาพที่ 4 ซึ่งลุกลี้ลุกลนส่อเค้ามีการดำเนินการที่พิเศษ เพราะผลการคัดเลือกจะมีการประกาศผ่านเว็บไซต์ในวันศุกร์ที่17 กรกฎาคมนี้ แต่กรรมการเขตสุขภาพที่ 4 กลับยกหูโทรศัพท์บอกแพทย์ผู้สมัครว่า “คุณไม่ผ่านการคัดเลือก” ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม อย่างนี้ก็ได้หรือ??? พร้อมจัดทำไฟล์ Excel และ EMS ส่งสำนักงานปลัดสธ.ไปเรียบร้อยแล้ว เรียกว่าคณะกรรมการฯ มีอำนาจล้นฟ้านำความลับราชการเปิดเผยก่อนที่ปลัดสธ. “หมอสุขุม กาญจนพิมาย” จะลงนามอนุมัติเห็นชอบ “ไม้หน้าสาม”เห็นว่าระบบราชการอะไรก็ตามที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจจะทำให้เกิดปัญหาอย่างใหญ่หลวงเพราะ “ลุแก่อำนาจ” เนื่องจากในขั้นดำเนินการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือพรรคพวก โดยไม่คำนึงถึง “ความถูกต้องชอบธรรม”น่าเห็นใจคุณหมอที่มีความรู้ความสามารถทำคะแนนได้สูงๆ แต่ขาดเส้นสายก็ไม่อาจเจริญในหน้าที่การงานได้ “คุณหมอสุขุม กาญจนพิมาย”ในฐานะแม่บ้านสธ.จะทำหน้าที่เป็นแค่ปลัดตรายางเซ็นรับรองผลไม้พิษ โดยไม่ไหวติงกับความไม่โปร่งใสที่หมักหมมมาอย่างยาวนานเลยเชียวหรือ??? หาไม่แล้ว “ปลัดกระทรวงสาธารณสุข”ควรระงับการดำเนินการทบทวนสืบสวนสอบสวนถึงกระบวนการคัดสรรแพทย์เข้าศึกษาฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านปี 2564 รอบที่ 1 เพื่อให้เกิดความถูกต้องชอบธรรม จะเป็นที่สรรเสริญแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนโดยทั่วไปดีกว่าหรือไม่“ไม้หน้าสาม”สะกิดครั้งนี้เพื่อความถูกต้อง ควรแล้วหรือที่จะลงนามรับผลไม้พิษเหล่านี้ให้เจริญงอกงามในสังคมไทย แค่บัตรสนเท่ห์ร้องเรียนผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ยังตั้งกรรมการตรวจสอบเป็นข่าวใหญ่โต สั่งย้าย “นพ.ชาญชัยจันทร์วรชัยกุล” ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น เยี่ยงนี้เป็นความบกพร่อง หรือรู้เห็นเป็นใจโดยสุจริต กระทรวงสาธารณสุขจักต้องทบทวนความนี้ดู โบราณว่า “จิ้งจกร้องทัก ยังต้องฟัง” สมควรหรือไม่ที่กระทรวงสาธารณสุขจักแสวงหามาตรการต่างๆ เพื่ออุดช่องว่างช่องโหว่สร้างองค์กรให้เปี่ยมล้นไปด้วย “ธรรมาภิบาล-โปร่งใส-ตรวจสอบได้” เพื่อให้สังคมเชื่อมั่นศรัทธาสืบไป...
nn ทิ้งท้ายฉบับนี้ ปราชญ์ชาวบ้านแห่งห้วยกระเจา กาญจนบุรีแจ้งมาว่า “สำนักงานการสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี” มีหนังสือที่ กจ. ๐๐๓๒.๐๑๔/๑๓๗๗ ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 แจ้งว่าสำนักงานสาธารณสุขดังกล่าวดำเนินงานตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการออกหนังสือรับรองหมอพื้นบ้าน และระเบียบเดียวกันฉบับที่ 2 และฉบับที่ 3 เพื่อออกหนังสือรับรองหมอพื้นบ้านให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เนื่องจากถึงเวลาครบกำหนดต่ออายุซึ่งต้องดำเนินการภายใน 90 วันก่อนสิ้นปีปฏิทิน เพื่อให้หนังสือรับรองหมอพื้นบ้านเกิดความต่อเนื่องจึงขอให้หมอพื้นบ้านที่ได้รับหนังสือมากรอกและบันทึกแบบคำขอหนังสือรับรองหมอพื้นบ้านพร้อมแนบ มบ.๑, มบ.๒ ส่งให้สำนักงานภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ “ไม้หน้าสาม” ตรวจสอบกับ“หมอเณร-ชัยรัตน์ นนทชัย หมอพื้นบ้านแห่งห้วยกระเจา กาญจนบุรี” ทราบว่า หนังสือรับรองนี้ให้สามารถรักษาผู้ป่วยได้แต่ในรูปแบบการกุศลเท่านั้น ไม่สามารถจำหน่ายยาสมุนไพรได้ “ทหารแก่” เทงบกว่า 1.8 หมื่นล้านให้กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกพัฒนาต่อยอด “สมุนไพร”ตามปณิธาน “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” แต่ประพฤติปฏิบัติทำได้เพียงเท่านี้หรือผลประโยชน์ชาติจากภูมิปัญญาบรรพบุรุษอยู่ตรงไหน
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี