เมื่อช่วงแรกเริ่มของกลุ่มเยาวชนปลดแอก สังคมไทยต่างทึ่งกับการที่เยาวชนคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาวได้กลับมาให้ความสนอกสนใจในเรื่องการบ้านการเมือง และอนาคตของพวกตน (รวมทั้งอนาคตของคนรุ่นพ่อแม่ และปู่ย่าตายาย) ซึ่งในขณะนั้น ก็ได้มีการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองไทยอย่างถึงรากถึงโคน ทั้งในเรื่องวิธีคิดอ่าน และวิธีการปฏิบัติ กล่าวคือจะปล่อยให้ประเทศไทยเหมือนเดิมเคลื่อนไปเรื่อยๆ อย่างไร้ทิศทาง ไร้จุดหมาย และมากด้วยความชั่วร้ายต่างๆ อีกไม่ได้แล้ว
นั่นส่งผลให้สังคมตื่นจากภวังค์ พวกผู้เฒ่าตื่นจากการหลับใหล และเริ่มตระหนักว่าจะมัว “หลอกเด็กหรือไม่คำนึงถึงเด็ก” ต่อไปอีกไม่ได้ เพราะในยุคเทคโนโลยีการสื่อสารร่วมสมัยนั้น ทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ และใครก็ไปปิดกั้นไม่ได้
สังคมไทยก็เลยหวังไว้ในใจกันว่า ขอให้พลังเยาวชนคนหนุ่มคนสาวเป็นพลังบริสุทธิ์ คือเพื่อชาติบ้านเมืองด้วยความจริงจังและจริงใจด้วยเถิด ซึ่งการที่สังคมจะเชื่อได้ว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นพลังบริสุทธิ์ที่อยากเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีจริง ก็จะต้องเผชิญกับบททดสอบที่เป็นการพิสูจน์ โดยต้องฝ่าฟันกับพลังแอบแฝง พลังห้อยโหน พลังแห่ตาม และพลังฉวยโอกาสหรือนัยหนึ่งพลังมารสังคมทั้งหลายให้ได้ ซึ่งในระหว่างนั้นกลุ่มขับเคลื่อนก็ยังตกอยู่ในความสงสัย แคลงใจของสังคม
แต่แล้ว เมื่อวันที่ 19-20 กันยายนที่ผ่านมาความจริงก็ปรากฏต่อสังคมว่า กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อ้างความเป็นคนรุ่นใหม่ (จะใช้ชื่ออะไรก็ตาม แต่ก็มีบุคคลเป็นแกนนำชุดเดียวกัน 5-6 คน ซึ่งคนหนึ่งมีชื่อเล่นเป็นนกน้ำเขตหนาวเย็น) ที่แท้ก็คือ เครือข่ายระบอบทักษิณทุนนิยมสามานย์นั่นเอง (แม้จะมีข่าวเชิงวิเคราะห์ออกมาว่า เยาวชนผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 16สิงหาคมที่ผ่านมานี้นั้น ต่างจากกลุ่มวันที่ 30 สิงหาคมและกลุ่ม 10 กันยายนนี้)
การที่เลือกเอาวันที่ 19-20 กันยายน มาเป็นวันสำคัญในการรวมตัว ก็เสมือนเป็นการสถาปนาวันไว้อาลัยการจากไปของระบอบทักษิณเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งคนเหล่านี้คงหวังว่าจะสามารถก่อการกดดันทางการเมืองขนาดใหญ่ เพื่อยึดอำนาจจากฝ่ายกองทัพไปด้วย
จะมาบอกว่า เลือกวันดังกล่าวเพื่ออาลัยการจากไปของระบอบประชาธิปไตยก็คงจะฟังไม่ขึ้น เพราะระบอบทักษิณอาศัยแค่ใช้กระบวนการเลือกตั้งในกรอบประชาธิปไตยเป็นหนทางเข้าสู่อำนาจ แล้วก็ใช้อำนาจนั้นทำลายหลักการประชาธิปไตยทั้งปวง กลายเป็นเผด็จการรัฐสภา ซ้ำร้ายยังใช้อำนาจในการโกงกินชาติบ้านเมืองอย่างมโหฬาร
การเลือก วันที่ 19-20 กันยายน เพื่อรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ที่สนามหลวงด้านธรรมศาสตร์ และที่หน้าพระบรมมหาราชวัง จึงมีความหมายถึงความอาลัยอาวรณ์ และเสียใจที่ระบอบทักษิณอันชั่วร้ายนั้นจากไปเท่านั้นเอง
สังคมจึงไม่เห็นว่าผู้มาร่วมชุมนุมในวันดังกล่าวเป็นพลังบริสุทธิ์ หากแต่เห็นว่าเป็นกลุ่มพลังมารทั้งหลายที่เป็นลิ่วล้อเครือข่ายระบอบทักษิณออกมารวมตัวกัน ร่วมชุมนุมกันเพื่อแสดงความอาลัยอาวรณ์ต่อระบอบทักษิณ ซึ่งคนเหล่านี้อยากจะขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยระบอบสาธารณรัฐ โดยหวังว่าผู้นำในฝันของเขาจะได้เป็นประธานาธิบดี (ที่มีอำนาจบริหารงานแบบเผด็จการ)
ภาพก็เลยออกมาในทำนองที่ว่า ทักษิณนั้นยังเล่นไม่เลิก เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เลยกลายเป็นการปลุกผีทักษิณ ออกมาหลอกหลอนชาวไทยไปเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลให้ฝ่ายกองทัพสามารถดำรงอำนาจทางการเมืองต่อไปได้อย่างสบายๆ
ฉะนั้น กระบวนการปลุกระบอบทักษิณนั้นทำลายประชาธิปไตยทั้งขึ้นทั้งล่อง คือหากไม่กลับมามีอำนาจเผด็จการเสียเอง ก็ช่วยอำนวยให้ทหารเป็นใหญ่ต่อไป
เห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจว่า หมากการเมืองของบรรดาผู้สนับสนุนทักษิณหมากนี้ดูไม่ฉลาดเอาเสียเลย ที่ออกมาโหนและเกาะกระแสการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ จนทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขามัวหมองในสายตาสังคมไทย น่าจะปล่อยให้พลังบริสุทธิ์เขาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปด้วยตนเอง ไม่ไปวุ่นวายจนตนเองกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการขับเคลื่อนสังคมไทย
พึงระลึกในใจว่า เวลาระบอบทักษิณหมดแล้วถึงเวลาปล่อยให้เยาวชน คนรุ่นใหม่เดินหน้าไปหาทางลงให้กับฝ่ายทหารการเมืองด้วยมือพวกเขาเองน่าจะดีกว่า
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี