ถ้าจะกล่าวว่า เป้าหมายที่แท้จริงของการปกครองประเทศนั้น คือความอยู่ดีมีสุขของประชาชนทุกหมู่เหล่า ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างเป็นนิติรัฐและใช้หลักนิติธรรม โดยยึดมั่นในผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง เป็นคำกล่าวที่ตรงกับความเป็นจริงทุกอย่างที่ผู้คนทั้งหลายต้องการ
แต่บ้านเมืองของเราที่ผ่านมาภายใต้การปกครองที่เรียกตัวเองว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น เป้าหมายดังกล่าวข้างต้นยังไม่บรรลุถึงอย่างแท้จริง เพราะยังล้มลุกคลุกคลานในลักษณะ “ตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน” มาโดยตลอด ยังเดินไปถึงจุดหมายหรือเป้าหมายดังกล่าวไม่ถึงสักที
เพราะผู้ที่มีอำนาจในการบริหารปกครองประเทศส่วนใหญ่ที่ผ่านมานั้น ไม่ค่อยจะได้คิดถึงเรื่องของสาธารณประโยชน์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอย่างจริงจังอะไร นอกจากใช้ปากพูดว่าจะทำอย่างโน้นอย่างนี้ให้กับประชาชนแต่เพียงอย่างเดียว แต่การกระทำที่เกิดขึ้นจากคนอย่างนี้ ที่เราเรียกกันว่านักการเมืองนั้น กลับทำให้แก่ตนเองหรือทำให้กับพวกพ้องของตนมากกว่าในเรื่องของผลประโยชน์ต่างๆของส่วนรวม
บ้านเมืองของเราถูกครอบงำด้วยความเลวร้ายอย่างนี้มาโดยตลอด ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการปกครองบ้านเมืองของคนดังกล่าวนี้ซึ่งเป็นคนที่ประพฤติมิชอบดุจไม้ไร้แก่น ฉลาดแกมโกงโง่แกมหยิ่ง ไม่มีคุณธรรม ศีลธรรมอันดีเป็นหางเสือ ล่องลอยไปตามกระแสความอยากความต้องการด้วยอำนาจที่มีอยู่ในมือ ไม่ว่าอำนาจทางการเมือง อำนาจทางเศรษฐกิจอำนาจทางทหารหรือหมู่เหล่าต่างๆ ของฝ่ายพลเรือนที่สวมเครื่องแบบ มีอำนาจหน้าที่ในมือ ผู้คนทั้งหลายในบ้านเมืองจึงยังคงต้องเผชิญกับชะตากรรมในความเป็นอยู่ของชีวิตอย่างลุ่มๆ ดอนๆ มาโดยตลอด
คนไม่ดีแต่มีอำนาจนั้น ขณะนี้ดูแล้วจะมีมากกว่าคนดี
คนไม่ดีนั้นไม่ว่าจะไปทำหน้าที่อะไร ไม่ว่าในฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติ แม้กระทั่งในอาชีพต่างๆที่ไม่ใช่ราชการหรือการเมืองก็ตาม คนไม่ดีดังกล่าวนี้เป็นคนที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างด้วยอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ในมือให้เป็นไปในทิศทางความต้องการของคนเป็นส่วนใหญ่ ไม่แยแสต่อสิ่งใดทั้งสิ้นเพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เลวทั้งกาย วาจา และใจ
กายเลว เพราะประพฤติปฏิบัติตนในทางที่เลวทรามเป็นคนพาล คนถ่อย หรือเป็นคนพูดด้วยคำหวานแต่ตลบตะแลงปลิ้นปล้อนหลอกลวง
ใจเลว เพราะอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะต่อประชาชนผู้เสียภาษี ซึ่งเป็นคนอาบเหงื่อต่างน้ำทำมาหากินและเสียภาษีให้คนพวกนี้ไปใช้จ่ายในรูปแบบเงินเดือน
สำหรับคนดีนั้นดูได้หลายแง่หลายมุม ทั้งในเรื่องของความคิด ซึ่งต้องคิดดี พูดดี และทำดี ว่าคนนั้นเป็นอย่างไร มี “ธรรม” อยู่ในตัวตนหรือไม่
ผู้ใดมีธรรมอยู่ในตัวตน ผู้นั้นเป็นคนดี ซึ่งเป็นข้อที่กำหนดไว้ในพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า “สัตบุรุษ” นั่นเอง
ธรรมของสัตบุรุษมีด้วยกัน 7 ประการ
1. ความเป็นผู้รู้จักเหตุ รู้ว่าความจริงนั้นคืออะไร ทำอะไร พูดอะไร หรือคิดอะไร ถูกต้องกับหลักการและกฎเกณฑ์อันชอบธรรมหรือไม่
2. ความเป็นผู้รู้จักผล คือรู้ว่าก่อเหตุไว้อย่างนั้นแล้วผลลัพธ์จะต้องออกมาอย่างนี้ เอาเงินหลวงไปทำประชานิยม ประชาชนต้องเป็นหนี้
3. ความเป็นผู้รู้จักตน ไม่ใช่มีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตแล้วกลับลืมตัว ไม่คิดว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
4. ความเป็นผู้รู้จักประมาณ คือรู้ว่าความพอดีนั้นอยู่ตรงไหน ร่ำรวยเงินทองล้นฟ้ายังไม่พอ ยังตั้งหน้าตั้งตาโกงเพื่อหาเงินมาเพิ่มอีก
5. ความรู้จักกาล คือรู้ว่าเวลาใดเหมาะสมไม่เหมาะสม ตอนนี้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพอย่างไร ควรทำงานตามหน้าที่อย่างไรจึงจะดีขึ้น
6. ความเป็นผู้รู้จักชุมชน คือรู้ว่าผู้คนเขามองตนเป็นอย่างไรในขณะนี้ เขาด่าเขาว่าเรื่องอะไร
7. ความเป็นผู้รู้จักคบคน คือรู้ว่าใครเป็นคนพาล คนไม่ดี ใครเป็นบัณฑิต ซึ่งเป็นมงคลข้อแรกของชีวิต ไม่ใช่คบกันอยู่แต่ในสปีชีส์เดียวกันเท่านั้น
นี่คือลักษณะของคนดีที่มีคุณสมบัติ 7 ประการ
แต่ที่บ้านเมืองยังต้องลำบากลำบน และยังไม่ดีขึ้นในขณะนี้นั้น ก็สืบเนื่องมาจากการใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ของคนที่ได้อำนาจจากประชาชนไปใช้ผ่านทางกระบวนการทางการเมือง และพวกที่ได้ตำแหน่งหน้าที่มาจากการวิ่งเต้น ติดสินบาทคาดสินบน และพวกประชาชนที่ยอมตนเป็นสมุนบริวารคนไม่ดีทั้งหลายเพื่อประโยชน์ส่วนตน ภายใต้การกำกับดูแลของ “คนไม่ดีตัวพ่อ” ที่เป็นต้นเรื่องสำคัญของความหายนะของบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้
สรุป “คนไม่ดี 4 พวก” ดังกล่าวนี้ก็คือ
1. คนไม่ดีตัวพ่อ
2. พวกนักการเมืองที่เข้าร่วมขบวนการทุจริตทุกรูปแบบ
3. พวกข้าราชการบางกลุ่มบางเหล่าที่เป็นสมุนรับใช้
4. พวกประชาชนที่เห็นดีด้วยและร่วมมือเพื่อประโยชน์ตน
ทั้ง 4 พวกดังกล่าวนี้ยังเป็นต้นเหตุสำคัญ ที่นำมาซึ่งความเลวร้ายทั้งหลาย เข้าครอบงำประเทศชาติบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถ้าตราบใดยังมีพวกดังกล่าวนี้อยู่ในบ้านเมืองตราบนั้น จะไม่มีวันที่ผู้ใดจะสามารถนำความสงบสุขอย่างยั่งยืนมาสู่ประชาชนคนไทยได้เลย
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี