ปลายทางของม็อบ และปลายทางของประเทศไทย จะเป็นอย่างไร?
1. ล่าสุด โจซัว หว่อง เคลื่อนไหวในฮ่องกง ชูป้ายสนับสนุนผู้ชุมนุมในไทย
2. ก่อนนั้น ผู้ชุมนุมในไทย ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ ร่วมกันตะโกน “ขอให้จีนคืนเอกราชแก่ฮ่องกง”
3. ก่อนหน้านั้น นายธนาธรได้พบปะกับโจซัว หว่อง
น่าคิดว่า อดีต ผบ.ทบ. พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์
เคยวิเคราะห์และเตือนภัยถึงการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไว้แล้ว
4. มีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ โดยนายปกรณ์ พึ่งเนตรบก.เนชั่นทีวี วิเคราะห์โมเดลการเคลื่อนไหวทางการเมืองในปัจจุบัน ว่ามีส่วนผสมของ “ม็อบฮ่องกง” กับ “อาหรับสปริง” น่าสนใจ
“รูปแบบการชุมนุมในขณะนี้ เปรียบเทียบกับ 2 โมเดลที่ใกล้เคียงกัน คือ
1.ฮ่องกงโมเดล ความเหมือน คือ เป็นการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษา และคนรุ่นใหม่เป็นส่วนใหญ่ มีการนัดรวมตัวเป็นระยะโดยใช้โซเชียลมีเดีย และขัดขวางการคมนาคมขนส่งคล้ายๆ กัน
ทว่า จุดต่าง คือ พื้นที่ฮ่องกงมีขนาดเล็ก ฝ่ายเจ้าหน้าที่รับมือได้ไม่ยากนัก และผู้บริหารฮ่องกงเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจ โดยทางการจีนหนุนหลัง ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ประเทศไทยมีหลายภูมิภาค อาจมีม็อบในต่างจังหวัดขยายตัวขึ้น ทำให้ยากต่อการควบคุมมากกว่าและรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้มีเสถียรภาพแข็งแกร่งอะไรมากมาย เนื่องจากเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมตีตัวออกห่าง เพียงแต่ยังมีจุดแข็งอยู่ที่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกองทัพ
2.โมเดลอาหรับสปริง คือ เกิดการชุมนุมขนาดใหญ่ เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวผู้นำ หรือที่จริงๆ แล้ว คือ การเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง โดยกระบวนการสร้างจุดเปลี่ยน มีการใช้โซเชียลมีเดียจุดกระแส และมีต่างชาติแทรกแซง
แต่จุดต่าง คือ ระบอบการปกครองของไทยไม่ได้เป็นเผด็จการเต็มรูปแบบ หรือครองอำนาจมาอย่างยาวนานเหมือนประเทศที่เกิดอาหรับสปริงในตะวันออกกลาง ขณะที่สถาบันพระมหากษัตริย์
ก็ยังที่เคารพเทิดทูนของคนในประเทศจำนวนไม่น้อย และไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันทันที ทำให้การชุมนุมไม่ได้มาจากความเห็นพ้องของคนส่วนใหญ่เกือบทั้งประเทศ เหมือนที่เกิดในอาหรับสปริง
นักวิชาการซึ่งเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงให้ความเห็นว่า พิจารณาจากรูปแบบการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ในปัจจุบัน เป็นการรวม 2 โมเดลเข้าด้วยกัน คือ ระดับยุทธศาสตร์ ใช้โมเดล “อาหรับสปริง” มุ่งเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองและอำนาจรัฐ ขณะที่ในระดับยุทธวิธีใช้ “ฮ่องกงโมเดล” คือการนัดรวมตัวชุมนุมรายวัน ใช้เด็กและเยาวชนออกหน้า มุ่งปิดการจราจรและการคมนาคมขนส่งเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม สร้างแรงกดดันมหาศาลไปยังรัฐบาล
เมื่อรัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการเด็ดขาดเข้าจัดการ ก็จะเรียกร้องให้องค์กรต่างประเทศ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และรัฐบาลต่างประเทศกดดัน เป้าหมายสุดท้ายคือ ล้มรัฐบาล ล้มล้างระบอบการปกครองเดิม และสถาปนาระบอบใหม่
แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ การเปลี่ยนแปลงของหลายๆประเทศ หลัง “อาหรับสปริง” ก็ไม่ได้สร้างให้การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย หรือสงบสุขอย่างที่ผู้ออกมาประท้วงคิดฝัน เช่น อียิปต์ ตูนิเซีย หรือเยเมน
ประการสำคัญ สภาพสังคมหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยใช้โซเชียลมีเดีย เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนทำให้เกิดการแบ่งกลุ่ม แบ่งฝ่าย มีความแตกแยกของคนในชาติอย่างมากมายแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังเช่นที่ผู้อยู่เบื้องหลังการใช้โซเชียลมีเดียในการนำประท้วงในอียิปต์เคยพูดเปิดใจเอาไว้...”
4. ไม่ว่าจะ “ฮ่องกงโมเดล” หรือ “อาหรับสปริง”ผู้สูญเสีย คือ ประเทศชาติส่วนรวม
คนไทยส่วนใหญ่ จะยินยอมให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น หรือไม่?
นักการเมืองบางกลุ่มและผู้สนับสนุนม็อบอ้างว่า เรียกร้องเพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ในที่ชุมนุมกลับเต็มไปด้วยการปราศรัย คุกคาม ข่มขู่ การขึ้นป้ายด่าสถาบันอย่างรุนแรง ใส่ร้ายรุนแรง โดยปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง
ฝ่ายผู้ชุมนุมชู 3 นิ้ว อ้างเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ แต่กลับไล่คุกคามคนที่ไม่สนับสนุนม็อบ ทั้งศิลปิน ดารา นางงาม นักธุรกิจ ฯลฯ กระทำการบูลลี่ ไล่แบน ทัวร์ลง ด่าหยาบคาย ฯลฯ แบบนี้ คือ ภราดรภาพหรือ?
จุดจบของม็อบจะเป็นอย่างไร? ปลายทางของประเทศไทย จะเป็นอย่างไร?
ประเทศชาติ ไม่ใช่ของคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี