คอลัมน์นี้ได้รับหนังสือร้องเรียนจากประธานคณะผู้แทนพนักงานโรงงานมักกะสัน เพื่อแจ้งให้ทราบว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และ อู่ตะเภา ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการทำสัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย กับกลุ่มธุรกิจเอกชน มูลค่าโครงการประมาณ 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งประชาชนมีความกังวลต่อโครงการนี้ และภาคประชาชนไม่มีส่วนร่วม หรือรู้รายละเอียดว่า
1. ได้มีการศึกษาความเหมาะสมทางเทคนิคหรือไม่
2. ผลประโยชน์ของรัฐที่ลงทุน ภาครัฐและประชาชนได้ประโยชน์จากผลตอบแทนอย่างไรรวมถึงจะคุ้มค่ากับเงินงบประมาณของประเทศหรือไม่
3. การรถไฟฯจะได้รับผลเสียหายอย่างไรในด้านการซ่อมบำรุงและที่ดินซึ่งเป็นของโรงงาน
4. ผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ตลอดโครงการรถไฟความเร็งสูง เชื่อม 3 สนามบิน
5. ประชาชนมีความกังวลต่อโครงการเชิงพาณิชย์ที่อยู่ในโครงการมีจำนวนพื้นที่ถึง 850 ไร่ ที่การรถไฟฯจะต้องส่งมอบให้แก่เอกชน
6. ให้รัฐชะลอการลงนามในสัญญาโครงการนี้ไว้ก่อน จนกว่าจะมีการศึกษาเรื่องนี้เสร็จ
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวทั้งหมดนี้ ก็ได้ส่งไปให้นายกรัฐมนตรีและประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยแล้วเช่นเดียวกัน
คอลัมน์นี้ซึ่งได้รับเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน จึงขอนำมาลงให้ทราบทั่วกันด้วย ว่าผู้คนย่านมักกะสันเขารู้สึกกันอย่างไรในโครงการนี้ ซึ่งมีผลกระทบไปถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่อาศัย และทำมาหากินอยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว
ขอให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้ที่ทำสัญญาในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และ อู่ตะเภา ได้พิจารณาความเห็นของชาวบ้านดังกล่าวในเรื่องนี้ด้วยโดยเฉพาะในเรื่องได้มีการสอบถามความเห็นของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแล้วมากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะเข้าไปดำเนินการใดๆในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จะต้องมีการเวรคืนที่ดิน จนชาวบ้านต้องออกไปจากพื้นที่ที่อาศัยอยู่
รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดนี้ และสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน ย่อมเข้าใจดีว่าบ้านเมืองของเราขณะนี้ และสภาพความเป็นอยู่ของผู้คน โดยเฉพาะในระดับล่างเป็นอย่างไร ตัวเองนุ่งอุ่นกินอิ่มแต่ชาวบ้านยังอดอยากลำบากลำบน
ต้องหันไปดูและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพวกเขาเพราะแต่ละชีวิตของพวกเขา แม้ชาวบ้านในระดับกลางก็ตามที่หาเช้ากินค่ำ ได้รับความลำบากในความเป็นอยู่นุ่งไม่อุ่น กินไม่อิ่ม ไม่พอกินพอใช้ ต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่ายอย่างที่เห็นๆกันอยู่
โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งก็คือรัฐบาล หรือผู้ที่มีหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำงานในสภานิติบัญญัติ สมควรจะได้ตระหนักถึงการทำงานในหน้าที่เพื่อประชาชน ผู้เสียภาษีมาให้ใช้จ่ายกันจนกินอิ่ม นุ่งอุ่น
เฉพาะอย่างยิ่งในปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในสังคม และการผูกขาดทางเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังขยายตัวและเกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน ซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนให้หนักขึ้นเรื่อยๆ
การกำหนดนโยบายใดๆของรัฐ ที่ไม่เอื้อต่อการกระจายรายได้ รวมถึงนโยบายประชานิยมที่ปูพรมด้วยภาษีของประชาชน ใช้งบประมาณแผ่นดินไปโดยไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของเป้าหมายที่ต้องแก้ไขจริงๆ อย่างเช่น ซื้อเรือดำน้ำ ซื้อรถถัง เป็นต้นในภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ไม่ดีในขณะนี้ซึ่งเป็นโอกาสให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นสูงเพื่อประโยชน์ตน
โครงการบางอย่างของรัฐที่มีการดำเนินงานไม่โปร่งใส เช่น การยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐหรือมีการทำโครงการว่าจ้างไปเหมาขาใหญ่ให้มาเป็นผู้ดำเนินการ หรือวางโครงการซ้ำซ้อนกับโครงการของท้องถิ่นที่มีอยู่แล้ว อย่างซ้ำซ้อนกันเพื่อประโยชน์บางอย่างของตน ก็ปรากฏให้เห็นอยู่หลายแห่ง
บางโครงการแก้ปัญหาหนึ่ง แต่สร้างอีกปัญหาหนึ่งก็มี โดยเฉพาะโครงการ อีอีซี ที่รู้จักกันดีว่าเป็นโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยเฉพาะการยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลให้กับคนต่างชาติที่เข้ามาทำงาน เป็นการเอื้อกันอย่างน่าตำหนิที่สุด
โครงการที่ว่านี้ก็เป็นโครงการในสมัยรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารที่เพิ่งผ่านพ้นไปเร็วๆนี้ และผู้ดำเนินโครงการนี้ขณะนี้ก็ยังร่วมอยู่ในรัฐบาลชุดที่กำลังบริหารประเทศนั่นเอง
นโยบายอย่างนี้ต้องขอตำหนิ
เพราะเป็นเพียงผู้บริหาร ไม่ใช่ผู้ปกครอง ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จแบบเผด็จการในการสั่งตามใจชอบ
ผู้บริหารที่ดีต้องนึกถึงชาวบ้านตลอดเวลา
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี