ประชาชนพลเมืองไทยต้องมีความเสมอภาค และความเท่าเทียมกันทางกระบวนการยุติธรรม นี่คือเสียงเรียกร้องที่ประชาชนพลเมืองไทยที่บอกกับรัฐบาลทุกชุดในประเทศนี้ สาเหตุที่ประชาชนพลเมืองไทยเรียกร้องเช่นนี้ก็เพราะมีข้อเท็จจริงปรากฏเสมอๆ ว่ามีความไม่เท่าเทียมกันในกระบวนการยุติธรรม หรือในทางการบังคับใช้กฎหมายในสังคมไทย ทั้งๆ ที่มีการอ้างตลอดเวลาว่าประเทศไทยมีความเสมอภาค และความเท่าเทียมกัน แต่คำอ้างกับความจริง ช่างต่างกันลิบลับ
ขออนุญาตพูดถึงหลักความเสมอภาค เพื่อย้ำความเข้าใจที่ตรงกันก่อน ความเสมอภาคคือหลักพื้นฐานแห่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มนุษย์ทุกคนต้องได้รับการรับรอง และการคุ้มครองจากกฎหมายอย่างเท่าเทียมเสมอเหมือนกันในฐานะที่เป็นมนุษย์ โดยไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องคุณสมบัติใดๆ เช่น ถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ศาสนา และภาษา เป็นต้น
หลักความเสมอภาคยังเป็นหลักที่ใช้ควบคุมเพื่อมิให้รัฐบาล หรือผู้มีอำนาจรัฐใช้อำนาจที่มีตามอำเภอใจ ดังนั้น การที่รัฐบาลจะใช้อำนาจรัฐจัดการกับใครก็ตาม รัฐบาลต้องอธิบายและให้เหตุผลชัดเจนเชิงประจักษ์ได้ว่าเพราะเหตุใด หากรัฐบาลแจ้งเหตุผลที่สาธารณชนไม่ยอมรับ เพราะขัดกับหลักความเสมอภาค แสดงว่าการใช้อำนาจของรัฐบาลเป็นสิ่งไม่ถูกต้องตามหลักการซึ่งถือเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ
ขอย้ำยืนยันว่า หลักความเสมอภาคคือหลักการสำคัญที่ใช้เพื่อรับรอง และเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนพลเมืองทุกคน และยังเป็นเครื่องมือตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล รวมถึงอำนาจใดๆ ของผู้มีอำนาจรัฐบนแผ่นดินได้อีกด้วย
เมื่อกล่าวถึงแนวความคิดทางด้านกฎหมายแล้ว จำเป็นต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อหลักแห่งความเสมอภาคเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเสรีนิยมต่างให้การรับรองในหลักการที่ว่าบุคคลย่อมมีความเสมอภาคเสมอหน้ากัน และต้องได้รับการรับรอง และความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันทุกประการ หมายถึงบุคคลทุกคนต้องอยู่บนหลักความเสมอภาคเบื้องหน้าทางกฎหมาย เพราะยึดมั่นในหลักการที่ว่า ปัจเจกชนมีสิทธิเสรีภาพติดตัวมาตั้งแต่ถือกำเนิด และไม่มีใครสามารถพรากเอาสิทธิเสรีภาพนั้นไปจากปัจเจกชนได้ ดังระบุว่า บุคคลทุกคนเกิดมาย่อมเสมอภาคกัน และมีสิทธิบางประการ เช่น สิทธิในชีวิต ในร่างกาย ในทรัพย์สินที่ติดตัวมา โดยสิทธิดังกล่าวนี้ไม่สามารถจำหน่ายจ่ายโอนได้ (สำหรับคุณที่สนใจรายละเอียดเรื่องนี้ โปรดอ่านเพิ่มเติมจากทฤษฎีกฎหมายธรรมชาติ และจากแนวคิด Natural Rights ของ John Locke)
หลักสิทธิเสรีภาพของปัจเจกบุคคล คือหลักการสำคัญที่ทำให้สังคมดำรงความเป็นธรรมไว้ได้ เพราะเมื่อสังคมใดก็ตามที่ยอมรับคุณค่าของปัจเจกบุคคลอย่างแท้จริงแล้ว โดยไม่ก้าวก่ายสิทธิเสรีภาพของปัจเจกบุคคลอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะยกเว้นเพียงกรณีเดียวคือ เพื่อประโยชน์สุขแห่งส่วนรวม สังคมนั้นจะมีความผาสุก สงบ ร่มเย็น
ดังนั้น แนวคิดมนุษย์เกิดมาย่อมเสมอภาคกัน จึงนับเป็นหัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเสรีนิยมอย่างเคร่งครัด จึงเกิดแนวคิดว่ารากฐานแห่งหลักความเสมอภาคภายใต้รัฐธรรมนูญ คือหลักการและแนวคิดเดียวกับหลักความเสมอภาคภายใต้กฎหมาย ซึ่งก็คือแนวคิดหลักที่เป็นปฐมบทของการปกครองระบอบเสรีประชาธิปไตย ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่ความจริงที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญของประเทศที่เจริญแล้วว่า รัฐธรรมนูญนี้ให้การรับรองต่อหลักความเสมอภาคตามกฎหมายของประชาชนโดยไม่มีการแบ่งแยกแหล่งกำเนิด เชื้อชาติ หรือศาสนาโดยรัฐบาลต้องให้ความเคารพต่อความเชื่อในคำสอนศาสนาทุกนิกาย
ทั้งนี้หากจะอ้างถึงหลักฐานยืนยันเรื่องความเสมอภาคที่ชัดเจนที่สุดที่สามารถหาได้คือ ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและพลเมืองของฝรั่งเศส ลงวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ.1789 โดยได้มีการรับรองไว้ใน 3 มาตรา ดังนี้
มาตรา 1 มนุษย์กำเนิดและดำรงชีวิตโดยมีอิสระ และเสมอภาคกันตามกฎหมาย การแบ่งแยกทางสังคมจะกระทำได้ก็เพียงแต่เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของส่วนรวมเท่านั้น
มาตรา 6 กฎหมายคือการแสดงออกของเจตนารมณ์ร่วมกัน และกฎหมายจะต้องเหมือนกันสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองหรือการลงโทษก็ตาม พลเมืองทุกคนต้องเท่าเทียมกันเบื้องหน้ากฎหมาย และต้องได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียมกันในเรื่องของศักดิ์ศรี สถานภาพ และงานภาครัฐตามหลักของความสามารถ โดยปราศจากความแตกต่าง เว้นเพียงแต่เฉพาะเรื่องพลัง และพรสวรรค์ของแต่ละคนเท่านั้น
มาตรา 13 เพื่อทำนุบำรุงกองทัพ และเพื่อรายจ่ายในการดำเนินงานของรัฐ จึงจำเป็นต้องเรียกเก็บภาษี โดยจะต้องมีการกระจายภาระภาษีอย่างเท่าเทียมกันในหมู่พลเมืองทุกคน โดยคำนึงถึงหลักความสามารถของแต่ละคน
ดังนั้น เมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตยบนโลกใบนี้จึงพบว่ารัฐธรรมนูญของประเทศเหล่านั้นได้บัญญัติหลักความเสมอภาคไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น
นอกจากมีการกำหนดเรื่องสำคัญดังกล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ยังระบุหลักการนี้ในเอกสารรับรองหลักความเสมอภาคระหว่างประเทศอีกหลายฉบับ เช่น ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Conventionof Civil and Political Rights) ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิในการพัฒนา (Declaration on the Rights toDevelopment) โดยระบุถึงหลักเกณฑ์การไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลทุกคน
สำหรับรัฐธรรมนูญของไทยก็มีการกล่าวถึงหลักการนี้เช่นกัน แต่ถูกวิพากษ์ว่าแม้จะมีการเขียนไว้ก็ตาม แต่กลับไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง จึงกลายเป็นว่าแม้จะมีการกำหนดไว้ แต่ไม่ค่อยมีผลในการบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม และไม่มีผลในทางปฏิบัติ
หลักความเสมอภาคของปัจเจกบุคคลมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลักเสรีภาพ เพราะเป็นหลักการที่ทำให้การใช้เสรีภาพเป็นไปอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันทุกคน
เพราะถ้าหากเสรีภาพถูกเลือกใช้กับเพียงบุคคลบางคนเท่านั้น แต่กลับกีดกันไม่ให้คนกลุ่มอื่นๆ เข้าถึงได้ ก็ถือว่าไม่มีเสรีภาพที่แท้จริง
เพราะฉะนั้น ความเสมอภาคจึงเป็นมูลฐานสำคัญของเสรีภาพ และเป็นหลักประกันทำให้เกิดเสรีภาพได้จริง หลักความเสมอภาคภายใต้กฎหมายจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการปฏิบัติต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ โดยเท่าเทียมกัน ปราศจากการเลือกปฏิบัติอย่างแท้จริง การปฏิบัติตามหลักความเสมอภาคต้องปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสาระสำคัญเฉกเช่นเดียวกัน และต้องเหมือนกันโดยเท่าเทียมกันอีกทั้งจะต้องปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสาระสำคัญแตกต่างกันให้แตกต่างกันไปตามลักษณะของเรื่องนั้นๆ จึงจะก่อให้เกิดความยุติธรรมภายใต้หลักความเสมอภาคโดยแท้จริง สำหรับประเด็นหลักความเสมอภาคเฉพาะเรื่องคือ หลักความเสมอภาคที่ใช้เฉพาะภายในขอบเขตของเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจง เช่น หลักความเสมอภาคเฉพาะเรื่องของความเป็นชายและหญิง เป็นต้น
ข้อสรุปเบื้องต้นที่ผู้เขียนต้องการเน้นย้ำคือ หลักของความเสมอภาคคือหลักเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติต่อบุคคลทุกคนบนแผ่นดินไทยอย่างเท่าเทียมกันตามข้อกำหนดของกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกประการ สังคมไทยต้องยึดมั่นในกฎเกณฑ์เดียวกันในสถานการณ์เดียวกันผู้เขียนรวมถึงคนไทยทุกคนต่างคาดหวังว่าประเทศไทยจะยึดมั่นในหลักความเสมอภาคทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีเลือกปฏิบัติ หากประเทศไทยยึดมั่นในหลักความเสมอภาคแล้ว ประชาชนไทย และแผ่นดินไทยจะบังเกิดความผาสุกอย่างยั่งยืน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี