จินตนาการอาจจะดูเผินๆ แล้วเหมือนไม่ต่างไปจากความเพ้อฝัน เพราะมันคือการคิดและหวังถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งในอนาคต ซึ่งสิ่งนั้นยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่ปัญญาชนโดยแท้ต่างตระหนักดีว่าความเพ้อฝันแตกต่างจากจินตนาการโดยสิ้นเชิง เพราะเพ้อฝันคือสภาวะของการอยากได้ อยากมีอย่างลมๆ แล้งๆ โดยปราศจากเหตุปัจจัยพื้นฐานที่ชัดเจน เช่น พวกที่คิด “ล้มฟ้าคว่ำแผ่นดิน” ด้วยการอ้างข้อความเท็จ“ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” เหตุที่คนจำพวกนี้เพ้อฝันได้หนักเช่นนี้ เพราะเสพข้อความและซึมซับความคิดที่หาสาระมิได้ จากบรรดากลุ่มคนจำพวกที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะหลงคิดเอาเองว่าพระมหากษัตริย์มิจำเป็นต่อสังคมไทย
ส่วนคนที่มีจินตนาการนั้น แม้จะคิดถึงเรื่องในอนาคตก็ตาม แต่เป็นการคิดที่อยู่บนพื้นฐานของการคำนึงถึงเหตุปัจจัยที่สามารถนำไปสู่ความเป็นจริงได้ โดยจิตนาการนั้นมิได้ตั้งอยู่บนฐานคติแห่งการทำลายล้างหรือโค่นล้ม แต่อยู่บนฐานคิดที่ต้องการให้บังเกิดความดีงาม หรือความสมบูรณ์ต่อส่วนรวม โดยไม่ได้มุ่งหวังให้ตนเองกลายเป็นตัวละครเอกของเรื่องราวที่ตัวเองได้เข้าไปร่วมแสดง
วิญญูชนในสังคมไทยไม่เคยมองสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าไร้ความจำเป็น หรือไร้ความสำคัญ เพราะตระหนักดีว่าสังคมไทยมีความเป็นปึกแผ่นมาได้จนทุกวันนี้ และสามารถข้ามผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ มาได้ก็ด้วยเหตุปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือ การมีศูนย์รวมจิตใจอยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์
แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็เกิดมีบุคคลกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาประกาศกร้าวด้วยความหลงตัวลืมตนว่า จะเข้ามาปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ทว่าวิญญูชนกลับจับได้ว่าคนกลุ่มนั้นอ้างคำพูดสวยหรูแต่เลื่อนลอยว่า “ปฏิรูป” แต่โดยเนื้อแท้ในความต้องการของคนกลุ่มนั้นคือ “การทำลายล้างโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์”
คำถามของวิญญูชนในสังคมไทยจึงเกิดขึ้นโดยพลันว่าเหตุใดและทำไมจึงต้องโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งตั้งคำถามไปยังกลุ่มคนที่อ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องใช้การก่นด่าหยามประณามและจาบจ้วงล่วงละเมิดบุคคลในสถาบันพระมหากษัตริย์ กระนั้นหรือ
เมื่อคนกลุ่มที่ต้องการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ จงใจกระทำความผิดกฎหมายซ้ำซากครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความคึกคะนอง แล้วในที่สุดก็ถูกดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย แต่เมื่อถูกคุมขังก็กลับเพ้อพล่ามต่างๆ นานาราวกับคนเสียสติทำนองว่า ไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง เพราะทุกครั้งที่ได้ยินว่าคนภายนอก (คุก) ก็ยังคงเคลื่อนไหวร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน เมื่อได้ยินเช่นนี้หัวใจก็พองโตแล้วความหวัง (ลมๆ แล้งๆ) ก็เปล่งประกาย
แน่นอนว่าคนที่ดีแต่เพ้อฝันไปวันๆ ก็คือคนที่ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง คนจำพวกนี้ชอบเสพละครน้ำเน่า เพราะช่วยให้จิตใจตัวเองพองโต และช่วยให้หลงลืมโลกแห่งความจริง โดยใช้ความเพ้อฝันเป็นเครื่องปลอบประโลมใจตนเองไปวันๆ เท่านั้น คนจำพวกนี้ยังคงเพ้อไปได้เรื่อยๆ เพราะอาการเพ้อนั้นทำให้ตัวเองคิดว่ายังคงมีความสำคัญต่อไปและยังคงมีบทบาทนำในละครน้ำเน่า โดยคิดเอาเองว่าตนยังคงเป็นพระเอกหรือนางเอกในละครแห่งความเพ้อนั้นต่อไปจนกว่าตนเองจะสิ้นลมหายใจ ด้วยเกมตบตาประกาศอดอาหาร ต้องขอย้ำ ณ ตรงนี้ว่า คนจำพวกนี้ยังคงเพ้อฝันเอาเองว่า ตนคือวีรบุรุษ-วีรสตรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี