เหลือเชื่อ.... คดีที่เพิ่งผ่านไปราวๆ 10 ปี จะมีคนบางกลุ่มหยิบขึ้นมาปลุกปั่นเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อศาลยุติธรรมได้อย่างหน้าด้านๆ
จากทนายความที่เคยแนะนำให้จำเลยรับสารภาพในวันนั้น กำลังถูกบิดเบือนให้กลายเป็นวีรบุรุษ ในขณะที่ศาลยุติธรรมที่พิพากษาตามพยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพวันนั้น กลับถูกสาดโคลนใส่ราวกับเป็นฆาตกร
น่าเวทนา คือ คนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาว ที่รับฟังการปลุกปั่น การใช้สื่อออนไลน์สร้างเสียงก้องตอกย้ำซ้ำๆ หลายคนเกิดอาการหลอนตาม ไม่ตั้งคำถาม ไม่สงสัย ไม่สอบทานข้อเท็จจริงเลยแม้แต่น้อย กลับเชื่อเป็นตุเป็นตะตามขบวนการเด็กเลี้ยงแกะยุคใหม่
1. คำว่า “อากง” ก็คือคำเรียกจำเลยในคดี 112 คนหนึ่ง เพื่อปลุกระดม
จะเห็นว่า จงใจเลือกใช้คำที่มีนัยในเชิงความสัมพันธ์ทางสังคม
ถามว่า ทำไมไม่ใช้คำแบบที่ศาสดาสามนิ้วปลุกระดมกันล่ะ เช่น “คุณ”เฉยๆ โดยไม่เรียกพี่น้องลุงป้าน้าอา
นั่นเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของสายสัมพันธ์แบบสังคมไทยนั่นเอง
ย้อนแย้งสิ้นดี
2. เพจ The METTAD (เดอะเมตตาดี) สรุปเรื่องไว้อย่างกระชับ
“- แกนนำ นปช. เอาเบอร์โทรเลขามาร์คมาประกาศบนเวที โดยเข้าใจว่าเป็นเบอร์ อภิสิทธิ์
- มี Sms หมิ่นสถาบันฯ 4 ข้อความ ส่งไปยังมือถือเลขามาร์ค พบว่าเป็นมือถืออากง
- เนื้อหา Sms จากมือถืออากงที่ส่งไปให้ เลขาฯอภิสิทธิ์ ไม่ใช่แค่หมิ่นแต่ขู่อาฆาตมาดร้าย ด้วยความเกลียดชัง หยาบคาย
- อากง อ้างว่า เอามือถือไปซ่อมหลายครั้ง แต่กลับจำร้านมือถือไม่ได้
- แม้ข้อความจะมาจากมือถืออากง แต่อย่างไรก็ตาม ยังพิสูจน์ไม่ได้ ว่าใครเป็นผู้ส่งข้อความ และ อากงไม่ยอมปริปาก
- ทนายอานนท์ บอกให้ อากงรับสารภาพ เพราะติดคุกไม่นาน รออภัยโทษเดี๋ยวก็ได้ออกมา
- อากงสารภาพ โดน 112 ขู่ฆ่าสถาบันฯ 4 กระทง 20 ปี
- อากง ป่วย ทนายอานนท์ รับปากจะช่วยยื่นศาล เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว
- อานนท์ ยื่นประกันหลายครั้ง ด้วยเงื่อนไขการประกันไม่ต่างไปจากเดิม(พลอตเดียวกับทนายกวิ้น ที่ยื่นซ้ำๆ และศาลไม่ให้ประกันตัว)
- อากงตายด้วยโรคมะเร็งตับ ในคุก กลายเป็นเหยื่ออีกคน ที่เอามาโหนกันจนทุกวันนี้
- อากง ตายปี 2555 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
- ถ้า แกนนำนปช. ไม่เอาเบอร์เลขามาร์คประกาศบนเวที อากงก็จะไม่โดนคดี 112
- ทนายอานนท์ โหนศพอากง มาตลอดนับจากนั้น....”
3. มาบัดนี้ แกนนำสามนิ้ว ยังหน้าด้านเอาเรื่องนี้มาโจมตีศาล
โดยไม่พูดถึงบทบาทการทำหน้าที่ทนายความของนายอานนท์ นำภา ซึ่งในวันนั้น คือ ทนายความอากง
ไม่พูดถึงบทบาทของ “พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ” สส.พรรคก้าวไกลในฐานะอดีตผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) หนึ่งในนายตำรวจที่นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เข้าปิดล้อมซอยวัดด่านสำโรงหมู่ที่ 4 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อจับกุมตัว “อากง” ในวันนั้น
“อากง” หรือนายอำพล ตั้งนพกุล อายุ 61 ปี ถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปีในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์มาตรา 112
เหตุเนื่องจากใช้โทรศัพท์มือถือส่วนตัวพิมพ์ข้อความอันเป็นการจาบจ้วง ดูหมิ่นพระเกียรติยศ ขู่อาฆาตมาดร้าย และส่งข้อความดังกล่าวไปยังโทรศัพท์มือถือของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข ขณะดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
การส่ง SMS ข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และข้อความนั้นเข้าข่ายการดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ 4 ครั้ง จึงถูกลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวมเป็น 20 ปี ทั้งๆ ที่ ศาลอาจจะลงโทษมากกว่านี้ก็ได้ เพราะความผิดตามมาตรา 112 มีโทษจำคุกระหว่าง 3-15 ปี
จำเลยให้การว่า เคยนำโทรศัพท์ที่เสียไปซ่อม แต่วันเวลาที่นำไปซ่อม ที่อ้าง 2 ครั้ง ก็ไม่ตรงกัน และข้ออ้างที่ว่า จำไม่ได้ว่าไปซ่อมร้านไหน ทั้งๆ ที่ ต้องไปส่ง ไปรับโทรศัพท์ที่ร้านถึงสองครั้ง ก็ทำให้คำให้การของ “อากง” หมดความน่าเชื่อถือ
ยิ่งกว่านั้น การพิสูจน์ทางเทคนิคว่า หมายเลขอีมี่ หรือรหัสประจำเครื่องโทรศัพท์ของอากง อาจถูกผู้อื่นปลอมแปลงนั้น ก็ได้มีการพิสูจน์กันต่อหน้าศาลว่า หมายเลขอีมี่นั้น เป็นของโทรศัพท์ของ “อากง” จริง ทั้งยังจับได้ว่า มีการเปลี่ยนซิมจากเครือข่ายทรู เป็นซิมดีแทค ในช่วงที่มีการส่ง SMS เพื่อปกปิดหมายเลขผู้ส่ง แต่สถานที่ส่งเป็นที่เดียวกัน คือ บ้านของ “อากง”
4. นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ อดีตโฆษกศาลยุติธรรม เคยกล่าวไว้อย่างน่ารับฟังเป็นบทเรียนว่า
เหตุใดศาลจึงพิพากษาลงโทษถึงจำคุก?
ปกติการกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นบุคคลธรรมดาที่เป็น
การดูหมิ่นใส่ความทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงเกียรติคุณอย่างร้ายแรง กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดมีโทษถึงจำคุก ศาลยุติธรรมก็เคยลงโทษจำคุก
จำเลยโดยไม่รอการลงโทษมาแล้ว
“สำหรับคดีนี้ มีการใช้ถ้อยคำหยาบคายแสดงความอาฆาตมาดร้าย จาบจ้วงล่วงเกินพระมหากษัตริย์และพระราชินี ด้วยถ้อยคำภาษาที่ป่าเถื่อนและต่ำทรามอย่างยิ่ง เกินกว่าวิญญูชนคนทั่วไปจะพึงพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้กระทำต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พระประมุขของประเทศ อันเป็นที่เคารพยกย่องเทิดทูนของปวงชนชาวไทยและทั่วโลก ในหลวงทรงครองสิริราชย์มาเป็นเวลากว่า 65 ปี ทรงครองแผ่นดินด้วยหลักทศพิธราชธรรม ห่วงใยทุกข์เข็ญของอาณาประชาราษฎร์ตลอดเวลา
“แม้ในยามทรงพระประชวร พระองค์ก็ยังทรงงานเพื่อแก้ไขความทุกข์ยากของประชาชน เช่น อุทกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทุ่มเทพระวรกายตลอดพระชนม์ชีพ ทรงงานเพื่อความผาสุกของประเทศชาติและประชาชนทุกหมู่เหล่า”
ในกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 8 ก็บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมิใช่คู่กรณีที่มีความขัดแย้งสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่จำเลยแม้แต่น้อยนิด รวมทั้งพระองค์ท่านทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองจากมวลชนทุกหมู่เหล่า จึงไม่มีเหตุผลที่จำเลยหรือบางคนจะพยายามบิดเบือนว่า คดีนี้มาจากมูลฐานทางการเมือง ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ไม่เป็นธรรมและห่างไกลจากความเป็นจริง
“แม้สังคมทั่วไปจะเรียกจำเลยว่า “อากง” ฟังดูประหนึ่งว่าจำเลยชราภาพมากแล้ว แต่ตามฟ้องจำเลยอายุ 61 ปี มิได้แก่ชราจนต้องอยู่ในความอนุบาลดูแลของผู้ใดสามารถเข้าใจ และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ แสดงว่าเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และมิได้แก่เฒ่าคราวปู่ทวด”
สำหรับบุคคลที่เจนโลก โชกโชน สันดานเป็นโจรผู้ร้าย มีเจตนาทำร้ายสังคมสถาบันหลักของประเทศชาติและองค์พระประมุข อันเป็นที่เคารพสักการะของคนในชาติให้เกิดความหลงผิดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ผู้เขียนเชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้คนเช่นนี้ลอยนวลอยู่ในสังคมเพื่อสร้างความเสียหายต่อเนื่องหรือแก่ผู้อื่นอีก เพราะสักวันคนใกล้ตัวของคนเหล่านี้อาจตกเป็นเหยื่อด้วยก็ได้
“มาตรการที่เหมาะสม จึงควรตัดโอกาสในการกระทำผิด ลงโทษให้หลาบจำสาสมไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ที่กระทำความผิดคิดวางแผนไตร่ตรองในการกระทำความผิดอย่างแยบยลแนบเนียนด้วยแล้ว ก็ยิ่งสมควรใช้วิธีการที่เหมาะสม ในการคุ้มครองรักษาความสงบสุขของประเทศชาติและประชาชนด้วย จึงไม่แน่แท้เสมอไปว่า ชราชน ที่กระทำความผิดจะต้องได้รับการลดโทษ ลงโทษน้อย หรือปล่อยตัวไปเสมอไป”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี