ที่ผ่านมา วงการแพทย์และงานวิจัยทางการแพทย์ของไทยไม่ได้ด้อยความสามารถกว่าชาติมหาอำนาจต่างๆ เพียงแต่ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขก็ดี ผู้นำรัฐบาลกลับไม่ให้ความใส่ใจไม่ให้การสนับสนุน ทั้งที่มี “แผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยฉบับที่ 1 พุทธศักราช 2560-2564” บังคับใช้อยู่
วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” สร้างความบอบช้ำให้สังคมไทยอย่างมากมายทั้งในแง่การสาธารณสุข ที่แม้ระลอกแรกจะได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในการระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์อู่ฮั่นอย่างรวดเร็วของรัฐบาลและอสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน)ที่มีอยู่เกือบ 100,000 คนทั่วประเทศ
“สมุนไพร มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานควบคู่ สังคมไทยนับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ดังจะเห็นส่วนประกอบอาหารคาว-หวาน เป็นยารักษาโรคใช้ในการดูแลสุขภาพและเป็นยาอายุวัฒนะ กระทั่งการเสริมความงาม ภูมิปัญญาเหล่านี้ได้รับการสั่งสม สืบทอด และพัฒนาต่อเนื่อง สร้างคุณค่าและมูลค่าให้แก่สมุนไพรไทยจนถึงปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยคือที่สุดแห่งภูมิปัญญาไทย กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ส่งออกสำคัญของประเทศ โดยในปี 2560 เป็นต้นมา ไทยสามารถส่งออกเครื่องเทศและสมุนไพรไทยได้ราวปีละ 1.8 แสนล้านบาท โดยมีตลาดสำคัญอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน, จักรวรรดินิยมอเมริกา และเวียดนาม ซึ่งในปี 2564 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกมีมูลค่ากว่า 3.6 แสนล้านบาทหรือราว 1 ใน 4 ของจีดีพี”
วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อโควิด-19” นักวิจัยนักวิทยาศาสตร์และบุคลากรทางการแพทย์สามารถศึกษาวิจัย“วัคซีนChulaCov19” ซึ่งเป็น “นวัตกรรม mRNA” เป็นวัคซีนป้องกัน “โควิด-19” ซึ่งศึกษาวิจัยโดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ล่าสุดคาดว่าจะสามารถผลิตออกมาใช้ได้ในราวเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ก็ไม่แน่นอนว่า“โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” จะทุเลาจางหายไปจากสังคมไทยและสังคมโลกแล้วหรือยัง ไม่ใช่แค่วัคซีนนี้เท่านั้น แต่คณะวิทยาศาสตร์ มหิดล ได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้วิจัยสมุนไพร “กระชายขาว” พบสารสองชนิดคือ แพนดูราทิน เอ (Panduratin A) กับ พิโนสโตรบิน (Pinostrobin) ที่สารตัวหนึ่งยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส ขณะที่อีกตัวสามารถฆ่าเชื้อไวรัสนี้ได้ และล่าสุดแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดีก็ยืนยันว่า สมุนไพรไทย “ฟ้าทะลายโจร” มีฤทธิ์ในการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นี้ได้ จนทำให้กระชายขาวสดขาดตลาด รวมทั้งยาฟ้าทะลายโจรก็มีประชาชนแห่ซื้อกักตุนเพื่อตนเองและครอบครัว แต่ก็ไม่มี “แอ๊กชั่น”ใดๆจากกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลเรือแป๊ะ
ด้วยความพร้อมทางด้านต้นทุนการผลิต อันได้แก่ ภูมิประเทศ วัตถุดิบ กระบวนการผลิต รวมถึงความหลากหลาย
ของรูปแบบผลิตภัณฑ์ และช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรร่วมกันดำเนินการตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 เพื่อให้ในอนาคตข้างหน้าประเทศไทยจะเป็นประเทศส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำ รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ อันจะนำมาสู่ความมั่นคงทางสุขภาพและความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยต่อไป เพื่อเกษตรกรไทยมีทางเลือกในการสร้างผลผลิตสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและครอบครัวได้
ในฐานะผู้บริหารสูงสุดในงานด้านสาธารณสุขควรสำเหนียกและหามาตรการพัฒนาสมุนไพรไทยให้เข้มแข็งสามารถแข่งขันในตลาดโลกสร้างเศรษฐกิจที่มั่งคั่งยั่งยืนแก่เกษตรกรไทยต่อไป ทิฐิไม่ช่วยให้เกษตรกรอิ่มท้องไม่ช่วยให้เศรษฐกิจประเทศพัฒนามั่งคั่งยั่งยืนแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี