การอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก ยังเวียนวนอยู่ในอ่างน้ำครำ
ประเด็นที่นำมาอภิปราย ก็ยังวนเวียนอยู่กับการด้อยค่าซิโนแวค การไม่เข้าเข้าโคแวกซ์ ทวงวัคซีนไฟเซอร์ ฯลฯ ซึ่งทางการ เจ้าหน้าที่ หมอ คนทำงาน เคยชี้แจงมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งกี่หน
แต่ที่เพิ่มเติมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คือ นักการเมืองที่ใช้วาทกรรมรุนแรง กล่าวหาปลุกเร้า เช่น ค้าความตาย เป็นต้นแต่ปราศจากหลักฐานเพิ่มเติมใดๆ เลย
ไม่มีหลักฐานการกินสินบาทคาดสินบน หรือการกินหัวคิว หรือการจ่ายเงินแบบโกงข้าวจีทูจีในยุคที่มีการอภิปรายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีแคชเชียร์เช็คมาแสดงเป็นหลักฐานในสภาด้วย
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Harirak Sutabutrฉายภาพความเป็นไปของการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน เฉียบคม ระบุว่า
....
“วันนี้ เป็นวันแรกของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 6 คน รวมนายกรัฐมนตรี
เหมือนเช่นเคย ข้อความที่เป็นข้อกล่าวหาในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี เหมือนเป็นข้อความที่เขียนขึ้นเพื่อด่าฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะเป็นข้อความที่เป็นบทวิเคราะห์ที่เป็นเหตุเป็นผลว่า นายกรัฐมนตรีทำผิดอะไร ทำผิดอย่างไร เพราะเหตุใดจึงไม่ควรให้ความวางใจให้บริหารประเทศต่อไป
ดังเช่นข้อกล่าวหาที่เกินจริงว่า
“ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ไร้จิตสํานึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม และไร้ความสามารถ ที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นําประเทศ ทําให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน”
ซึ่งจะหาคนที่มีคุณสมบัติที่เลวพร้อมเช่นนี้ เรียกว่า หาได้ยากเต็มที
ยังมีข้อความ เช่น
“ค้าความตายวัคซีน”
“โอหังคลั่งอำนาจ”
“ผู้นำโง่”
“หวังกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพ และคราบน้ำตาของพี่น้องประชาชน”
ข้อความเช่นนี้ ไม่น่าจะเป็นข้อความที่ปรากฏอยู่ในเอกสารของสภาผู้เทนราษฎรอันทรงเกียรติ แต่น่าจะอยู่ในโปสเตอร์ที่ม็อบหรือผู้ชุมนุมใช้โจมตีรัฐบาลมากกว่า
และยังมีข้อความว่า
“ดังนั้น หากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทําให้ ประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตมากยิ่งขึ้นจนไม่สามารถที่จะหาสถานที่ฌาปนกิจได้ทันและเพียงพอ และไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ประชาชนจะต้องทนทุกข์ทรมานทั้งจากโรค และการดํารงชีวิต บ้านเมืองจะไร้ซึ่งความสงบสุขร่มเย็น อันจะนํามาซึ่งความหายนะของประเทศชาติ อย่างแท้จริงตามที่มีการกล่าวกันว่า “ผู้นําโง่ เราจะตายกันหมด” เพราะคนโง่ คือภัยอันตรายร้ายแรง เมื่อได้กลายเป็นผู้มีอํานาจ”
ปรากฏว่าขณะนี้ ยอดผู้ติดเชื้อต่อวันกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง และจำนวนผู้หายป่วยเพิ่มขึ้นและสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี อีกทั้งผลการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลที่เคยถูกสบประมาทไว้ กลับค่อนข้างแน่ว่าจะทำได้ตามเป้า และจะมีวัคซีนชนิด mRNA ให้ฉีดฟรีเริ่มปลายเดือนกันยายน อีกทั้งอัตราการฉีดวัคซีนต่อวันก็ทำได้ถึง 8-9 แสนโดส รวมฉีดได้สะสมทั้งหมด ณ วันนี้คือ 31,902,718 โดส จึงทำให้เป้าหมายการเปิดประเทศที่รัฐบาลประกาศไว้มีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่ง
นี่คงไม่เป็นที่สบอารมณ์ของฝ่ายค้าน ที่คงอยากให้สถานการณ์โควิด-19 เลวลงเรื่อยๆ จะได้อภิปรายโจมตีได้อย่างเต็มเหนี่ยว จนนายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยออกมาพูดในที่สาธารณะว่ารัฐบาลอาจกำลังอำพรางตัวเลขหรือไม่
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ พรรคเพื่อไทยยังได้แสดงธาตุแท้ออกมาซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ โดยได้ทำหนังสือที่หัวหน้าพรรคเป็นผู้ลงนาม ถึงสส.ของพรรคทุกคน ดังมีข้อความตอนหนึ่งว่า
“เพื่อให้การตรวจสอบฝ่ายบริหารด้วยการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจข้างต้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามญัตติที่พรรคได้เสนอไป จึงขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนในการลงมติให้เป็นไปตามแนวทางและนโยบายของพรรคด้วยการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทุกคนที่ถูกอภิปราย ทั้งนี้ หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคท่านใดฝ่าฝืนไม่มาประชุมหรือไม่ลงมติหรือลงมติที่ผิดไปจากนโยบายของพรรคข้างต้น พรรคถือว่า สมาชิกผู้นั้นกระทำการอันเป็นการผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษถึงขั้นให้พ้นจากสมาชิกพรรค โดยพรรคจะดำเนินการตามข้อบังคับพรรคอย่างเด็ดขาดต่อไป”
ข้อความในหนังสือนี้ แสดงให้เห็นความจริง 2 ประการของพรรคเพื่อไทย
ประการที่ 1 วัฒนธรรมของพรรคเพื่อไทย ยังเป็นเช่นเดิมคือ มีการครอบงำทางความคิดของสส.ทุกคนโดยกรรมการบริหารพรรคโดยหัวหน้าพรรค และแน่นอนว่า โดยผู้ที่อยู่เหนือหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ที่ยังรอกลับประเทศอยู่
ประการที่ 2 นโยบายพรรคอยู่เหนือความถูกต้อง การไม่ปฏิบัติตามนโยบายพรรคถือว่าผิดวินัย และขัดต่อจริยธรรมของพรรคอย่างร้ายแรง
หนังสือฉบับนี้ ออกมาก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ บังคับให้สส.ของพรรคลงมติไม่ไว้วางใจก่อนที่จะมีการอภิปราย โดยไม่เปิดโอกาสให้สส.ได้ฟังการอภิปรายก่อน แล้วจึงกลับมาประชุมพรรคเพื่อตกลงร่วมกันว่าจะลงมติตามนโยบายพรรค หรือจะเปิดฟรีโหวต ซึ่งแบบหลังควรเป็นวิธีการทำงานที่เป็นประชาธิปไตย
ที่ตลก คือ ข้อความว่า “การลงมติที่ผิดไปจากนโยบายพรรคข้างต้น พรรคถือว่าสมาชิกผู้นั้นกระทำการอันเป็นการผิดวินัย และจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคอย่างร้ายแรง”
ก็เพิ่งทราบว่า มาตรฐานทางจริยธรรมของพรรคเพื่อไทย เป็นเช่นนี้ นี่เอง”
...
เอวัง ด้วยประการฉะนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี