กรณี นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวหา
แบบไม่มีพยานหลักฐานกลางสภา ว่านายกฯ พลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา แจกเงิน สส. 5 ล้าน ที่ห้องทำงานในสภา ตามมาด้วยพฤติกรรมของ สส. และไม่ใช่สส. แต่มีใจเชียร์ฝ่ายค้านอีกหลายคน พากันโพสต์ภาพทีมงานนายกฯ ขนกระเป๋าเอกสารเข้าสภา แล้วเขียนถ้อยคำในทำนองให้คนคิดไปในทางว่าใส่เงินสดมา
สะท้อนความอับจนหนทางเต็มที ถึงขนาดเล่นวิธีกุข่าวปั่นกระแสโดยที่ตนไม่มีหลักฐานอะไรในมือเลย
หลังจากนั้น ถ้ามีหลักฐานจริง ถ้านายกฯ ทำผิดจริง ยากจะรอดพ้นกล้องวงจรปิด และพยานหลักฐานย่อมจะต้องมี แต่กลับไม่ปรากฏว่าฝ่ายค้านและพรรคพวกจะงัดหลักฐานที่น่าเชื่อถือออกมาแสดง และนำไปยื่นห้องร้องเอาผิดนายกฯ ซึ่งกรณีแบบนี้ร้ายแรงมาก อย่าว่าแต่หลุดจากตำแหน่ง จะต้องติดคุกเลยด้วยซ้ำ
แต่กลับไม่มีความกระตือรือร้นอะไรจากฝ่ายค้านเลย
ตรงกันข้าม กลับมีแต่การแสดงความบริสุทธิ์ใจของฝ่ายนายกฯ ที่แถลงปฏิเสธ ยืนยันพร้อมให้ตรวจสอบ เปิดกระเป๋าให้ดูข้างในว่าเป็นเอกสาร พร้อมให้ความร่วมมือการตรวจสอบของทางสภา ฯลฯ
เบื้องต้น จึงน่าจะดูออกว่า ใครโกหกตลบตะแลง อย่างไม่เคารพยำเกรงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
1. นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น
โดยบอกด้วยว่า “ผมไม่ทำถุงขนมหรอก”
ปรากฏว่า คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยสงสัยว่า “ถุงขนม” คืออะไร? ทำไมนายกฯ จึงใช้คำพูดว่า “ถุงขนม” ?
มาย้อนดูว่า คนของใครเคยขน “ถุงขนม 2 ล้าน” ?
2. คอการเมืองย่อมจำได้ นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน เคยต้องคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ
ภายหลังรัฐบาลนอมินี นายสมัครเป็นนายกฯ ทักษิณ เดินทางกลับจากต่างประเทศ เพื่อเข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดีตามระบบยุติธรรมในเมืองไทย
มีการกราบแผ่นดินโชว์นักข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วก็ไปศาล
3. หลังจากนั้น ก็มีการไปขึ้นศาลตามกำหนด กระทั่งเกิดกรณี “ถุงขนม 2 ล้าน”
คือกรณีที่มีทีมทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร นำเอา “ถุงกระดาษ” ที่ใส่เงินสดไว้ 2 ล้านบาท ไปให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกา
แต่เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาไม่ยอมรับไว้ และนำไปสู่การสอบสวน ดำเนินคดีกับทีมทนายความ
หลังจากเรื่องฉาวโฉ่ดังกล่าว ช่วงใกล้ถึงวันพิพากษาคดีที่ดินรัชดา ทักษิณก็หนีออกไปต่างประเทศ โดยอ้างกับศาลว่าจะไปดูโอลิมปิกที่ประเทศจีน
ศาลฎีกาฯ อ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดา จำคุกทักษิณแต่ทักษิณหนีจนอายุความหมด
และยังหนีคดีอยู่ต่างประเทศจนถึงปัจจุบัน เพราะยังมีโทษจำคุกคดีทุจริตอีกหลายคดีที่ยังไม่หมดอายุความนั่นเอง
4. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณี “ถุงขนม 2 ล้าน” เป็นอย่างไร?
ศาลฎีกาได้มีคำตัดสินชี้ขาด ที่ 4599/2551 ศาลฎีกา เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2551 เรื่องละเมิดอำนาจศาล
ผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ นายพิชิต หรือพิชิฏ ชื่นบาน นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ และนายธนา ตันศิริ ทีมงานกฎหมายต่อสู้คดีของทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดีที่ดินรัชดา
ศาลฎีกาไต่สวนได้ความว่า
วันเกิดเหตุ - เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม ขึ้นลิฟต์มาที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เพราะเป็นวันที่ทักษิณจะมารายงานตัวคดีที่ดินรัชดา
ขณะที่ หม่อมหลวงฐิติพงศ์ ชมพูนท นิติกร 5 แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กำลังทำงานอยู่ที่ห้องทำงานในแผนก นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นเสมียนทนายของนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความในคดีที่ดินรัชดา ที่ทักษิณและคุณหญิงพจมานเป็นจำเลย (ขณะนั้นอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาฯ)นางสาวศุภศรีได้นำคำร้องขอรายงานตัวของทักษิณและ
คุณหญิงพจมานมายื่นต่อศาล
หลังจากหม่อมหลวงฐิติพงศ์ พูดคุยกับนางสาวศุภศรี เกี่ยวกับวันนัดในคดีดังกล่าวแล้ว นางสาวศุภศรีบอกหม่อมหลวงฐิติพงศ์ว่า นายธนาอยากจะขอปรึกษาเรื่องคดีด้วย
ขณะที่นายธนาเดินเข้าไปในห้องดังกล่าว หม่อมหลวงฐิติพงศ์เดินตามเข้าไปนั่งที่โต๊ะตรงข้ามกัน
นายธนาพูดขึ้นว่า ระยะนี้ต้องมาติดต่อบ่อย เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อย ก็เลยมีของมาฝากให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน แล้วนายธนาเดินไปหยิบถุงกระดาษสีขาว ซึ่งวางอยู่ตรงตู้ข้างโต๊ะในห้อง
ถุงดังกล่าวมีสกอตเทปปิดปากถุงตามยาวเกือบตลอดปากถุง
หม่อมหลวงฐิติพงศ์จึงหยิบถุงดังกล่าวเดินออกไปจากห้อง เพื่อไปถามนายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ว่าจะรับไว้ได้หรือไม่โดยหม่อมหลวงฐิติพงศ์ เข้าใจว่าเป็นขนม แต่นายรักเกียรติไม่อยู่ หม่อมหลวงฐิติพงศ์ จึงมอบถุงดังกล่าวให้นางขวัญชีวา แจ่มจิตรตรงนิติกร 4 ซึ่งยืนอยู่หน้าห้องนายรักเกียรติ ไปถาม นายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งขณะนั้นอยู่ในห้องธุรการของแผนกว่าจะรับไว้ได้หรือไม่
ต่อมา นายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา บอกให้เปิดดู หม่อมหลวงฐิติพงศ์ จึงหยิบคัตเตอร์มากรีดสกอตเทปที่ปิดปากถุงออก พบซองสีน้ำตาลปิดอยู่ เมื่อดึงออกเห็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ตั้ง ตั้งละ 10 มัด มัดละ 100 ฉบับ เป็นเงินประมาณ 2,000,000 บาท
หม่อมหลวงฐิติพงศ์ หิ้วถุงไปให้นายอนันต์ นายอนันต์ สั่งให้หม่อมหลวงฐิติพงศ์ไปเรียกนายธนามารับคืนไป โดยได้มีการถ่ายภาพถุงและธนบัตรทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา นายธนามารับถุงเงินคืนไปจากนายอำนาจ วงศ์สวรรค์ นิติกรประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา
ก่อนคืนถุงเงิน นายอำนาจถามนายธนาว่า ทราบหรือไม่ว่าในถุงเป็นอะไร? นายธนาตอบว่า ทราบ
นายอำนาจบอกว่า เรารับไม่ได้ พร้อมกับส่งถุงเงินคืนไปนายธนารับถุงเงินแล้วก็เดินจากไป
หลังจากนั้น เวลาประมาณ 12 นาฬิกา นายพิชิต ชื่นบาน โทรศัพท์มาพูดกับหม่อมหลวงฐิติพงศ์ ในทำนองว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและกล่าวคำขอโทษต่อหม่อมหลวงฐิติพงศ์ พร้อมกับถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป
หม่อมหลวงฐิติพงศ์ ตอบกลับไปว่า ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่า หยิบถุงผิดไปให้เจ้าหน้าที่ศาล จริงๆ ต้องการหยิบถุงขนมหรือช็อกโกแลตไปให้
ศาลชี้ว่า ตอนที่มอบถุงกระดาษกัน นายธนากับเจ้าหน้าที่ศาลอยู่ด้วยกันเพียง 2 คน การที่นายธนาติดต่อให้ไปพบที่ห้องพักทนายความ แล้วมอบถุงให้เพียงสองต่อสองก็ดี การที่นายธนาพูดเป็นนัยว่า มีของมาฝากเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยไม่บอกให้ทราบว่าเป็นขนมหรือช็อกโกแลตก็ดี และการที่นายธนาส่งมอบถุงกระดาษที่ปกปิดมิดชิดจนไม่สามารถทราบว่า สิ่งของข้างในเป็นอะไรก็ดี เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย เพราะหากต้องการมอบขนมหรือช็อกโกแลตให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการแสดงความมีน้ำใจดังอ้างจริง ก็ย่อมต้องนำถุงขนมหรือช็อกโกแลตที่อ้างไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการทั้งหมดโดยตรงและโดยเปิดเผย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตน
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงก็ยังปรากฏต่อมาว่า เมื่อนายธนาถูกเรียกให้ไปรับถุงกระดาษคืน เจ้าหน้าที่ศาลได้ถามเสมียนทนายความว่า ใครเป็นคนให้ นางสาวศุภศรีตอบว่า นายธนาเป็นคนนำถุงกระดาษมาให้ เจ้าหน้าที่จึงให้นางสาวศุภศรีไปตามนายธนา หลังจากนั้น 2 ถึง 3 นาที นางสาวศุภศรีก็พานายธนามาที่หน้าเคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ถามนายธนาว่า ทราบหรือไม่ว่าในถุงเป็นอะไร นายธนาตอบว่าทราบเจ้าหน้าที่จึงตอบไปว่า เรารับไม่ได้ พร้อมกับส่งถุงคืนไป นายธนารับถุงแล้วก็เดินจากไป โดยไม่ได้พูดอะไร
การที่นายธนารับกับเจ้าหน้าที่ว่าทราบว่าของในถุงเป็นอะไร พร้อมกับรับถุงไปโดยไม่อิดเอื้อน ไม่เปิดถุงออกดู และไม่อธิบายว่าข้างในถุงเป็นอะไร ย่อมเป็นพิรุธ แสดงให้เห็นว่านายธนาย่อมต้องทราบอยู่แล้วว่า ของในถุงเป็นเงิน หากมีการหยิบถุงผิด เมื่อเจ้าหน้าที่คืนถุงให้ น่าจะต้องกล่าวคำขอโทษในทันที และน่าจะต้องเอาถุงกระดาษที่บรรจุช็อกโกแลตกลับขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่ศาลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตน
หากนายธนามีถุงกระดาษที่มีลักษณะเหมือนกัน 2 ถุง โดยถุงหนึ่งบรรจุเงินประมาณ 2,000,000 บาท และอีกถุงหนึ่งบรรจุช็อกโกแลตจริง นายธนายิ่งต้องใช้ความระมัดระวังตรวจดูเป็นพิเศษว่าปกติธรรมดา ก่อนส่งมอบถุงให้แก่เจ้าหน้าที่ศาล แต่ก็หาได้กระทำไม่
ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่า นายธนารู้อยู่แล้วว่าถุงกระดาษที่มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา มีธนบัตรจำนวนประมาณ 2,000,000 บาท บรรจุอยู่
ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยว่า นายพิชิตเป็นทนายความให้แก่ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ในคดีที่ดินรัชดา โดยมีนางสาวศุภศรี
เป็นเสมียนทนายและเป็นเลขานุการส่วนตัวของนายพิชิต และนายธนาเป็นผู้ติดตามทักษิณ เป็นผู้ประสานงานระหว่างทักษิณและคุณหญิงพจมานกับฝ่ายทนายความ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจะมาศาลกับทักษิณและคุณหญิงพจมานทุกครั้ง
ข้อเท็จจริงได้จากพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามเอง ก็ปรากฏว่าทั้งสามมีการพูดคุยและประสานงานกันตลอดเวลาขณะอยู่ที่ศาลฎีกา การกระทำของนายธนาเกี่ยวกับคดีจึงอยู่ในความรู้เห็นของนายพิชิตและนางสาวศุภศรีด้วย ถือได้ว่าเป็นคณะทำงานเดียวกัน
นอกจากนี้ นายพิชิตและเสมียนทนายความ ต่างก็เห็นเจ้าหน้าที่ศาลเดินถือถุงกระดาษออกมาจากห้อง วิสัยของคนที่ทำงานร่วมกันใกล้ชิด ย่อมต้องถามไถ่หรือบอกกล่าวให้รู้กันว่า จะนำช็อกโกแลตมาให้เจ้าหน้าที่ศาลโดยไม่จำต้องปิดบัง นายพิชิตเป็นหัวหน้าคณะทนายความของทักษิณและคุณหญิงพจมาน การกระทำของนายธนาเป็นเรื่องร้ายแรง แทนที่นายพิชิตจะซักไซ้ไล่เลียงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนแล้วดำเนินการแก้ไขนำสิ่งของที่ถูกต้องมามอบให้หรือนำถุงทั้งสองใบไปแสดงในทันที หรือตำหนินายธนาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่นายพิชิตก็หาได้กระทำไม่ นายพิชิตกลับโทรศัพท์ไปขอโทษและปรับความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ศาล ตามที่นายธนาร้องขอ
พฤติการณ์ของนายพิชิตแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า นายพิชิตมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของนายธนา ในลักษณะเป็นตัวการร่วมกัน
ศาลฎีกาชี้ว่า พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นการร่วมกันและแบ่งหน้าที่กันทำ ฟังได้ว่าเป็นตัวการร่วมกัน มีเจตนาที่จูงใจให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปเป็นประโยชน์แก่จำเลยในคดีที่ดินรัชดา การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยมาบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1),33 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และน่าจะมีมูลความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144 หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นการกระทำที่อุกอาจ ท้าทายและเกิดขึ้นที่ศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดของประเทศ
ศาลให้ลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม คนละ 6 เดือน (ฐานละเมิดอำนาจศาล ไม่ใช่ฐานติดสินบน)
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของ “ถุงขนม 2 ล้าน”
ที่กลายมาเป็นคำพูดตอบโต้กลับอย่างนิ่มๆ แต่บาดลึกของนายกฯ พลเอกประยุทธ์ว่า “ผมไม่ทำถุงขนม”
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี