กรณีวิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวาง “หนึ่ง-จักรวาล เสาธงยุติธรรม” นักร้อง นักดนตรีชื่อดัง โพสต์คลิปปฏิสัมพันธ์กับลูกสาวลงอินสตาแกรม ไม่ว่าจะเป็นคลิปแกล้งจับก้น ล้วงกางเกงลูกเข้าไปจับก้น จับพุงลูก ฯลฯ ถูกตำหนิผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่าเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม อาจเข้าข่ายล่วงละเมิด ล้ำเกินร่างกายของลูกสาว ฯลฯ
หลังจากนั้น เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมรับปากจะระมัดระวังการแสดงออกความรักต่อลูกให้มากขึ้น
1. กรณีข้างต้น มีเรื่องที่ทุกครอบครัวควรได้เรียนรู้ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกกำลังโต
นั่นคือเรื่อง “การแสดงออกต่อลูกถึงความรัก” เป็นสิ่งสำคัญ และควรต้องกระทำอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส จับมือ กุมมือ หรือแม้แต่การกอด การหอมจากพ่อแม่ แต่การสัมผัสเหล่านั้นต้องมีขอบเขตที่เหมาะสม และเด็กเต็มใจ
ขณะเดียวกัน ควรสอนให้ลูกรู้จักภัยทางเพศ รู้จักอวัยวะในร่างกายของตนเอง และขอบเขตทางร่างกายที่ปลอดภัย รวมถึงการจะให้คนอื่นมาสัมผัสตรงไหนได้แค่ไหน อย่างไร
ยกตัวอย่าง หากเด็กโตพอจะฉี่หรืออึได้เอง ก็ไม่ควรจะไปจับอวัยวะเพศ หรือหน้าอก ก้น เว้นแต่เป็นกรณีเจ็บป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพื่อให้เด็กตระหนักรู้ว่านี่คืออวัยยวะที่ไม่ว่าใครมาจับต้องมันคือสัญญาณของการคุกคามล่วงละเมิดทางเพศ
2. แฟนเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ได้ให้ข้อมูลความรู้ที่น่าสนใจมาก ว่าด้วยเรื่อง “#เส้นบางๆระหว่างรักและละเมิด” เนื้อหาสาระสำคัญระบุว่า
“สังคมกำลังมีประเด็นถกเถียงกัน ถึงการแสดงความรักของพ่อลูก ที่ดูเหมือนอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างการแสดงความรัก กับการละเมิดสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย ไปจนถึงดูคล้ายการคุกคามทางเพศ?
ที่น่าตกใจกว่าสิ่งที่เห็น คือคอมเมนท์ที่หลากหลาย…
“ลูก 13 ยังจับจู๋ลูกอยู่เลย อย่างนี้ก็ผิดปกติหรอ”
“ใช่ค่ะ ทุกวันนี้ยังจับจู๋ลูกชายเล่นอยู่เลยค่ะ ทั้งที่ลูกอายุ 14 แล้ว บางครั้งก็แข็งสู้มือด้วย อิอิ เรื่องของแม่ลูก คนอื่นชอบยุ่งจัง”
“ลูกสาว 20 แล้ว ผมยังอาบน้ำกับลูกอยู่เลย” ฯลฯ
เราเติบโตมากับวัฒนธรรม ที่พ่อแม่มักคิดว่าตนเองเป็นเจ้าชีวิตและมีสิทธิในเหนือเนื้อตัวร่างกายลูก
เราตี หยิก ด่า ทำร้าย ใช้บุหรี่จี้ …
หรือ แม้แต่การแสดงความรัก เราก็หลงลืมที่จะเคารพ “สิทธิ” “อำนาจในการตัดสินใจ” ไปจนถึง “เคารพพื้นที่ส่วนตัว” - “พ่อหอมแค่นี้ ต้องมาสะบัดหนีด้วย” - “กอดคุณตาหน่อยสิลูก” - “คุณป้าเค้าก็แค่จับจู๋หนูแหย่เล่นๆ แค่นี้เอง” ฯลฯ
ส่วนตัวหมอคิดว่าภาพที่ออกมาดูน่าเป็นห่วงจริงๆ แต่ขออนุญาตไม่วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเราไม่รู้ถึงเจตนา แต่ขอพูดถึงกรณีทั่วๆ ไป เผื่อเราจะได้เรียนรู้ร่วมกันนะคะ ...
1. พ่อแม่ต้องทำให้ลูกเข้าใจ ว่าลูกมีสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง “เสมอ”
2. พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างของการไม่ละเมิดสิทธินั้นเสียเอง เพื่อให้เด็กไม่เกิดความสับสน หรือเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะปฏิเสธผู้ใหญ่ไม่ได้
3. หลายครั้งด้วยความรักและความใกล้ชิด เด็กๆ “ไม่สามารถ” กล้าปฏิเสธ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด และบางครั้งเด็กก็เล็กเกินไป จนแยกไม่ได้ ระหว่างการแสดงความรักกับการถูกล่วงละเมิด
4. การล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศในเด็ก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากคนในครอบครัว ดังนั้นผู้ใหญ่ในบ้านต้องช่วยกันสอดส่องดูแล
5. สอนลูกเรื่อง “สิทธิในร่างกายตนเอง” ลูกเป็นเจ้าของร่างกายตนเอง มีสิทธิปฏิเสธ ไม่ให้ใครมาวุ่นวาย ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนในหรือนอกครอบครัว
6. การแสดงความรัก ควรอยู่ในขอบเขตที่ไม่มากเกินไป และไม่สร้างความอึดอัดใจให้กับผู้รับ
7. การแสดงความรัก การแหย่ การเล่น ไม่ควรรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว เช่น พื้นที่ในร่มผ้า หน้าอก ก้น อวัยวะเพศ และทุกพื้นที่ที่ลูกดูมีความอึดอัดใจเมื่อเราไปสัมผัส
8. แม้เราจะแสดงความรัก แต่เมื่อลูกแสดงอาการปฏิเสธ แข็งขืน หรือดูอึดอัดใจ ให้เคารพความรู้สึกของลูกเสมอ
9. สอนลูก ใช้ประโยคที่เข้าใจง่าย เช่น “มีบางคนเข้ามายุ่งกับร่างกายของเรา โดยที่เราไม่เต็มใจ และไม่อยากให้ทำ เช่น บางคนมาจับหน้าอก มายุ่งกับอวัยวะเพศ มากอด หอม หรือบางทีก็ให้เราไปจับของส่วนตัวเค้าโดยที่เราไม่ยินยอม แบบนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติ และแม่อยากให้ลูกบอกผู้ใหญ่ให้รับรู้เสมอ”
10. บอกลูกเสมอ ไม่ว่าจะอย่างไร “การถูกละเมิดไม่ใช่ความผิดของผู้ถูกกระทำ” ไม่ใช่ความผิดเพราะเราเป็นเด็ก เพราะเราแต่งตัวไม่เรียบร้อย ใส่ขาสั้น เมา หรือไม่ดูแลตัวเองให้ดี “ไม่มีใครมีสิทธิที่จะล่วงละเมิดใคร” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรก็ตาม
11. บอกลูกว่าพ่อแม่จะอยู่กับลูกเสมอ ถ้ามีใครมาทำอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดใจ ให้บอกพ่อแม่ได้ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครก็ตาม
12. ข้อนี้ขอกาสามดาว *** ไม่บังคับให้ลูกกอดหอมใคร หรือให้ใครมากอดหอมลูก โดยที่ลูกรู้สึกไม่เต็มใจ ลูกจะสับสนในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ และไม่แน่ใจในสิทธิในเนื้อตัวร่างกายตนเอง
13. การโพสต์อะไรลงใน social ให้คิดไว้เสมอว่าสิ่งนั้นจะอยู่ที่นั่นตลอดไป ถ้าเป็นไปได้ควรไตร่ตรองสิ่งที่จะลงไป และขออนุญาตลูกก่อนลงทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด ณ ขณะนี้…
ในขณะที่เราคิดว่าการทำให้เรื่องนี้เป็นกระแสสังคม จะนำไปสู่การช่วยเหลือเด็กคนหนึ่ง
โปรดอย่าลืมว่า ทุกอย่างจะกลายเป็น digital footprint ที่ทำร้ายเด็กคนหนึ่งและครอบครัวตลอดไป… ได้อย่างเจ็บปวดที่สุด
เราอาจช่วยเขาได้ ด้วยการไม่สร้างบาดแผลทางใจให้หยั่งรากลึก
แนะนำว่าใครเจอกรณีที่สงสัยการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ควรแจ้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 หรือ ศูนย์พึ่งได้ OSCC ที่มีในโรงพยาบาลใหญ่แทบทุกที่ ให้ช่วยเข้าไปประเมินถึงความเหมาะสม
นี่เป็นสิทธิและหน้าที่ ที่เราทุกคนพึงกระทำได้
#หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน”
3. สังคมไม่ควรให้เรื่องนี้กลายเป็นแค่อาหารปาก ที่นินทาจิกกัด ด่าทอ โจมตีกันเท่านั้น
ควรจะได้เรียนรู้สาระสำคัญ ใช้เป็นอุทาหรณ์ อย่างน้อยก็ตามที่คุณหมอในแฟนเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ข้างต้น ได้ให้ความรู้ไว้อย่างเป็นประโยชน์
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี