ปัจจุบัน ครอบครัวชินวัตร ยังเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์
ศาลปราบโกง ได้พิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ในคดีที่จำคุก 2 ปี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เอื้อประโยชน์แก่บริษัทอัลไพน์และนายทักษิณ ชินวัตร ในกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ซึ่งจะต้องตกเป็นธรณีสงฆ์ตามพินัยกรรมของคุณยายเนื่อม
1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยผู้สืบสายพันธุกรรมระบอบทักษิณ ปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และร่วมเป็นกรรมการ บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด
โดย น.ส.แพทองธาร ถือหุ้นอยู่ 30%
นายพานทองแท้ ถือหุ้นอยู่ 30%
น.ส.พินทองทา ถือหุ้นอยู่ 30%
และคุณหญิงพจมาน ถือหุ้นอยู่ 10%
2.จากเดิม สนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นของนายเสนาะเทียนทอง
ต่อมา ขายให้บริษัทของครอบครัวชินวัตร
โดยนายทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวยอมรับในรายการโทรทัศน์ ดร.เจิมศักดิ์สัมภาษณ์ และไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินนี้กับ ป.ป.ช.
3.ทรัพย์สินที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งเป็นธรณีสงฆ์ตามพินัยกรรมของคุณยายเนื่อม แต่ถูกอำนาจรัฐระบอบทักษิณบิดเบือนบิดพลิ้ว
และถูกถ่ายโอนต่อ กระทั่งมาถึงลูกๆ ของตระกูลชินวัตร
ยังไม่กลับไปเป็นทรัพย์สินของวัด ทรัพย์สินของพระศาสนา
ขัดแย้งกับแนวทางหาเสียงของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเองโดยสิ้นเชิง
ปัจจุบัน นางสาวแพทองธารก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วม ประกาศจะไขว่คว้าอำนาจรัฐ
ย่อมรู้ หรือควรรู้ ว่าที่มาที่ไปของธรณีสงฆ์อัลไพน์เป็นอย่างไร
ควรจะทำตนให้เป็นแบบอย่าง เป็นบรรทัดฐานที่ดีงามของสังคม ด้วยการคืนสนามกอล์ฟอัลไพน์ให้กลับไปเป็นธรณีสงฆ์ของวัด ตามเจตนารณ์ของคุณยายเนื่อม สอดคล้องกับข้อยุติในคำพิพากษาของศาลปราบโกง ที่จำคุก 2 ปี อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือไม่?
หรือจะยังคงสืบทอดมรดกบาป จากระบอบทักษิณต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี