การอภิปรายงบประมาณ 3.18 ล้านล้านบาท ของปี 2566 ที่ฝ่ายค้านประกาศไม่รับหลักการ ตั้งแต่นาทีแรกที่เปิดอภิปรายในสภา โดยอ้างว่ารัฐบาลหมดสภาพในการบริหาร ที่จัดทำงบประมาณซึ่งพรรคฝ่ายให้สมญานามว่า “งบประมาณช้างป่วย” และ “งบประมาณขอทานจัดงานเลี้ยงวันเกิด”
ประเมินจากการอภิปรายของผู้นำฝ่ายค้าน ที่วาดฝันว่า ถ้าคว่ำงบประมาณ “ขอทานจัดงานเลี้ยงวันเกิด”ได้ไล่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป พรรคเพื่อไทยก็จะได้ขึ้นเป็นรัฐบาล แล้วจัดงบประมาณแห่งความหวังให้ประชาชนได้
“เมื่อพลเอกประยุทธ์ออกไป ก็จะจัดทำงบประมาณใหม่งบประมาณเพื่อไทย...รัฐบาลชุดต่อไปจัดงบประมาณฉบับรัฐบาลเพื่อไทย”นายชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อภิปรายในสภา โดยนายชลน่านแสดงความมั่นใจว่า คว่ำรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ได้เพราะประชาชนกำลังเสื่อมศรัทธา การเลือกตั้งใน กทม. ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาลที่หมดสภาพ ขาดความรู้ความสามารถ..
“รัฐบาลจัดงบประมาณส่อไปในทางทุจริต จัดงบประมาณเหมือนซื้อเสียงล่วงหน้าให้กับพรรคพวก ที่จังหวัดน่าน บ้านผมจัดงบประมาณสร้างสะพานเชื่อมจังหวัดน่าน-อุตรดิตถ์ ชาวบ้านหันหน้ามาหาผม แล้วพูดว่าสมัยหน้าชลน่านสอบตกแน่..”
ตลอดเวลาของการอภิปรายผู้นำฝ่ายค้านใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการด้อยค่ารัฐบาลโจมตีพลเอกประยุทธ์ว่า อ่านหนังสือทิพย์(ระหว่างการเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ พลเอกประยุทธ์ นั่งอ่านเอกสารในเครื่องบินมีคนถ่ายรูปนายกฯอ่านเอกสาร แต่ถ่ายติดแผ่นหลังซึ่งดูเหมือนกระดาษเปล่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและสื่อกระแสหลักเอาภาพนั้นมาล้อเลียนโจมตีนายกรัฐมนตรีว่านายกฯสร้างภาพอ่านเอกสารที่แท้แล้ว คือ อ่านกระดาษเปล่า=ผู้เขียน)
ตลอดเวลาของการอภิปรายผู้นำฝ่ายค้าน เอาเฟคนิวส์ มาขยายความ แม้แต่นายชัชชาติชนะเลือกตั้ง ผู้นำฝ่ายค้านก็เอามาอภิปรายในสภาว่า ประชาชนเบื่อรัฐบาล และ ตอนหนึ่งของการอภิปรายนายชลน่าน ชื่นชมอดีตนายกรัฐมนตรีที่หนีคุกหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศว่า
“อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งตอนนี้อยู่แดนไกลจัดงบประมาณลงไปจังหวัด ซึ่งตอบโจทย์ประชาชนได้ประโยชน์ แต่รัฐบาลนี้นำนโยบายงบประมาณจังหวัดไปปูยี่ปูยำ”
นายชลน่านย้ำสามครั้งถึงงบประมาณแห่งความหวังรัฐบาลชุดต่อไปของพรรคเพื่อไทย ราวกับจะบอก สส.ทั้งสภาว่า หากคว่ำกฎหมายงบประมาณได้ เพื่อไทยจัดรัฐบาลใหม่ขึ้นมาแทนแน่นอน
มีตอนหนึ่งผู้นำฝ่ายค้านแสดงความรอบรู้ถึงสถานการณ์โลกว่า“เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้โลกขาดแคลนอาหาร แทนที่รัฐบาลจะทำวิกฤตให้เป็นโอกาสในฐานะที่เป็นประเทศส่งออกข้าว รัฐบาลอยู่เฉยไม่ทำอะไรเลย
เมื่อถูกผู้นำฝ่ายค้านกล่าวหาว่าจัดงบประมาณลงพื้นที่ช่วยพรรคพวกหาเสียงล่วงหน้าและจัดทำงบประมาณส่อทางทุจริต
พลเอกประยุทธ์ จึงตอบโต้ว่า“ขอใช้สิทธิพาดพิงว่างบประมาณกว่าจะออกมาได้ต้องให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่จะให้ใครก็ให้ ไม่เหมือนสมัยก่อนบางคน ที่ท่านพูดมาผมก็พูดไป ได้มีการประกาศไว้ว่าถ้าไม่เลือกก็ไม่ให้ (นายทักษิณเคยพูดว่าจังหวัดไหนเลือกพรรคเรา ให้ช่วยจังหวัดนั้นก่อน=ผู้เขียน)
ด้าน นายวีระกร คำประกอบ สส.พรรคพลังประชารัฐตอบโต้ นายชลน่านที่พูดกันว่างบประมาณขอทานจัดงานเลี้ยงวันเกิดงบประมาณส่อทุจริต งบประมาณสิ้นหวัง เป็นเรื่องของคนตาบอดคลำช้าง
“จะสิ้นหวังได้อย่างไร สองปีที่ผ่านมาเราเจอกับปัญหาวิกฤตโควิดถือว่าร้ายแรงที่สุดในรอบห้าหกสิบปี รัฐบาลนี้แก้วิกฤตโควิดได้ดี จนได้รับชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก WHO พรุ่งนี้ก็เปิดหน้ากากกันได้แล้ว” (รัฐบาลอนุญาตให้ไม่ต้องใส่หน้ากากตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2565)
นายวีระกรกล่าวด้วยว่าต้องขอบคุณกระทรวงเกษตรฯที่ทำให้ราคาพืชผลดี ข้าวเปลือกขึ้นราคาเพิ่มขึ้นจาก 6,000 บาทต่อตัน เป็น 7-8,000 บาท ข้าวโพดจาก 7 บาท เป็น 14 บาท มันสำปะหลัง ขึ้นราคาเป็นสองเท่า ประเทศเรามีโรงงานทำอาหารสัตว์ส่งออกปีละหลายแสนตัน ข้าวโพดมันสำปะหลังและปลายข้าวมาผสมกันเป็นอาหารสัตว์
ขอบคุณกระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพาณิชย์ ที่ทำให้พืชผลทางเกษตรมีราคาสูง ในขณะที่โลกกำลังขาดแคลนอาหาร งบประมาณวิจัยข้าวปีนี้เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึงแปดเท่ากว่า จากที่แล้วมา 2,000 ล้านบาท เป็น 17,000 ล้านบาท
“เมืองไทยมีพันธุ์ข้าวหลายพันธุ์ โลกขาดแคลนอาหารแต่ประเทศยังส่งออกทั้งข้าวและอาหารสัตว์ได้...”
คอลัมน์นี้ ขอเสริมข้อมูลให้ “ผู้นำฝ่ายค้าน” เป็นความรู้ประกอบเผื่อได้เป็นรัฐบาลว่า กระแสข่าวเรื่องโลกกำลังขาดแคลนอาหาร เป็นเรื่องจริง แต่มันเป็นความทุกข์ยากของโลกตะวันตก เพราะฝรั่งเอาข้าวสาลี มาทำขนมปัง เป็นอาหารหลัก
ดังนั้นเมื่อเกิดสงคราม รัสเซีย-ยูเครนซึ่งทั้งสองประเทศเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีและข้าวโพด น้ำมันจากดอกทานตะวัน รายใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่อ รัสเซีย กับ ยูเครน ส่งข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวันส่งออกไม่ได้ หรือไม่ส่งออกไปให้คนที่จะอดตายคือ โลกตะวันตก
นางเอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวในที่ประชุม World Economic Forum ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า “วิกฤตอาหารโลกร้ายแรงจริงๆ เราต้องร่วมมือกันหาข้อยุติให้ได้” เธอกล่าว
และเสริมว่า “ธัญพืช 25 ล้านตันติดอยู่ในคลังสินค้าของยูเครนและอีก 25 ล้านตัน รอการเก็บเกี่ยวเดือนหน้า”
ศูนย์ควบคุมการเดินเรือปลอดภัยของรัสเซีย แจ้งว่าเรือบรรทุกสินค้า 70 ลำ จาก 16 ชาติ ถูกกักอยู่ท่าเรือหกแห่งในทะเลดำและทะเลอาซอฟ รัสเซียรับปากจะส่งออกธัญพืชและปุ๋ยให้แต่มีข้อแม้ว่าตะวันตกต้องยกเลิกการคว่ำบาตรที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
กลับมาเรื่องอภิปรายในสภา ต้องยอมรับว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกล เจ้าของวลี “งบประมาณช้างป่วย” อภิปรายได้ดี แต่ข้อมูลที่เขานำมาอภิปรายนำมาใช้ในทางปฏิบัติได้ต่อเมื่อมีการปฏิวัติครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า งบประมาณแบบรัฐราชการ เงินงบประมาณส่วนใหญ่จึงสิ้นเปลืองไปกับเงินเดือนข้าราชการ เงินบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการข้าราชการบำนาญ ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงทำให้ภาระเงินกู้สูงขึ้นด้วย
“ในส่วนของเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ วงเงินงบประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท คือรายจ่ายที่สูงเท่ากับ กระทรวงศึกษาฯทั้งกระทรวง
...คือปัญหาของช้างป่วย ที่ปรับตัวไม่ได้ โครงสร้างงบประมาณตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2565 งบประมาณ 75% เป็นงบประจำทั้งสิ้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรในประเทศ....
นี่เป็นยาขมที่พวกเราทุกคนต้องกลืนเป็นโครงสร้างงบประมาณที่น่ากลัว”
“ทุกๆ 1 บาท ที่เก็บภาษีและกู้มา 40% กลายเป็นเงินเดือน สวัสดิการ กับบำนาญข้าราชการ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเงินที่ใช้ไปกับบำนาญมากขึ้น 2 เท่า โดยปี’57 บำนาญอยู่ที่ 1.4แสนล้านบาท ปี’64 อยู่ที่ 3 แสนล้านบาท ปี’66 อยู่ที่3.22 แสนล้านบาท ตอนนี้เรามีข้าราชการเกษียณ 8 แสนคน แต่ในปี 2580 จะมีข้าราชการเกษียณ 1.2 ล้านคน แค่บำนาญของบุคลากรก็เกินงบประมาณที่เราจะใช้ไปเยอะมาก กระบวนการรัฐราชการ รัฐอุ้ยอ้าย จึงเป็นช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ เราจะแก้ไขเรื่องนี้กันอย่างไร ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ประเทศจะพัฒนาได้อย่างไร”นายพิธา กล่าว
สิ่งที่นายพิธาพูดเป็นเรื่องจริงว่างบประมาณส่วนใหญ่หมดไปกับข้าราชการประจำและข้าราชการบำนาญตลอดถึงสวัสดิการของคนเหล่านั้นที่รัฐบาลต้องรับภาระไปจนพวกเขาตาย แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อทุกรัฐบาลต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แก้ไขระบบนี้ได้ต้องปฏิวัติครั้งใหญ่
แม้แต่สมัยรัชกาลที่ 7 ที่ประเทศประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจจากสงครามครั้งที่หนึ่ง ค่อยๆปรับลดเบี้ยหวัดบำนาญ ตลอดถึงปรับลด ปลดออกข้าราชการ ยังถูกคณะราษฎร ใช้เป็นข้ออ้างสำคัญของการปล้นพระราชทรัพย์และพระราชอำนาจ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475
จึงสรุปว่าการอภิปรายงบประมาณช้างป่วย และ งบประมาณขอทานจัดงานเลี้ยงวันเกิด ถูกคว่ำกะลาตั้งแต่สภาเริ่มอภิปราย จึงฟันธงล่วงหน้าว่ากฎหมายงบประมาณในวาระรับหลักการจะผ่านสภาฉลุย
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี