ในระยะไม่กี่วันมานี้ได้มีการกล่าวขานและสรุปเป็นรูปคำขวัญแพร่หลายในโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆอย่างกว้างขวางว่า “คบจีนทำสนามการค้า คบอเมริกาทำสนามรบ” ซึ่งสอดคล้องกับที่ประเทศจีนได้กล่าวเตือนบรรดาประเทศอาเซียนว่าให้ระมัดระวังในการเข้าร่วมกับนาโต 2 ซึ่งมีแต่จะก่อความขัดแย้งและสงคราม
รัฐบาลจีนได้กล่าวเตือนว่าจีนชักชวนประเทศอาเซียนให้ร่วมมือกันเพื่อทำมาค้าขาย เพื่อการสร้างมิตรไมตรี เพื่อสันติภาพและการพัฒนาของทุกประเทศและภูมิภาค แต่สหรัฐกลับมาชักชวนประเทศอาเซียนให้ทำการต่อต้านจีน ให้ถือว่าจีนเป็นภัยคุกคามที่เป็นอันตราย ที่จะต้องขัดขวางต่อต้านแม้ขนาดจะต้องทำสงครามแก่กัน จึงหวังให้ประเทศอาเซียนทั้งหลายได้พิจารณาไตร่ตรองให้จงดี
ในขณะเดียวกัน ประเทศจีนก็ได้กระชับความสัมพันธ์กับมิตรประเทศในอาเซียนเพื่อรับมือกับภัยคุกคามนาโต 2 อย่างเอาจริงเอาจัง โดยผูกมิตรสร้างความร่วมมือที่ลึกซึ้งกับเมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ทั้งพยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยไว้อย่างเต็มที่ คงมีแต่ประเทศสิงคโปร์ที่ออกอาการเลือกข้างสหรัฐไปแล้ว
หลังจากสหรัฐได้ประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกแล้วก็ได้กำหนดภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกนี้เป็น 3 ภูมิภาค และวางองค์กรเป็นแกนแต่ละภูมิภาคคือ
ภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ได้ตั้งแกนหลักคือสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย อินเดีย และญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายหลักคือเมียนมา อิหร่าน จีน และรัสเซีย เรียกชื่อแกนหลักนี้ว่ากลุ่ม Quad โดยสหรัฐมีกองเรือที่ 5 เป็นแสนยานุภาพหลักปฏิบัติการสำหรับภูมิภาคนี้ ต่อมาอินเดียเห็นว่าแกนหลักลักษณะนี้จะทำให้อินเดียกลายเป็นสนามรบและเป็นกองหน้าที่จะเผชิญหน้ากับอิหร่าน รัสเซีย และจีน ดังนั้นอินเดียจึงประกาศจุดยืนว่าการเข้าร่วมกลุ่ม Quad ของตนเป็นการเข้าร่วมเพื่อสันติภาพและการพัฒนา จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องความขัดแย้งและสงคราม และไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับใคร
ภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิก ได้ตั้งแกนหลักคือสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย เรียกว่ากลุ่ม AUKUS แต่ความจริงก็รวมญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เอาไว้ด้วย เพราะสหรัฐมีฐานทัพใหญ่ประจำอยู่ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องระบุชื่อญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพราะเมื่อสหรัฐมีฐานทัพขนาดใหญ่อยู่ในสองประเทศนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องระบุชื่ออีกเพราะสามารถปฏิบัติการทางการทหารได้เต็มที่ โดยมีกองเรือที่ 7 เป็นแสนยานุภาพหลัก และโดยสภาพเช่นนี้จะทำให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นสนามรบในการเผชิญหน้ากับจีน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย
ภูมิภาคอาเซียนที่มี 10 ประเทศ คือ เมียนมา ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน และฟิลิปปินส์ โดยได้ประกาศแกนหลักคือ สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไทย และฟิลิปปินส์ รวม 6 ประเทศ แต่ฟิลิปปินส์ได้ประกาศไม่เข้าร่วม โดยอ้างว่าต้องการวางตัวเป็นกลางและไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร จึงมีการดึงเอาเกาหลีใต้หรือสิงคโปร์เข้ามาแทน และภูมิภาคนี้แหละที่เรียกว่านาโต 2
นาโต 2 มีเป้าหมายหลักคือถือจีนเป็นภัยคุกคามที่จะต้องต่อต้านขัดขวางทุกรูปแบบ ทั้งทางการทหาร ทางเศรษฐกิจ และอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมหมายถึงการทำสงครามระหว่างกันด้วย
เป้าหมายของนาโต 2 คือ เมียนมา จีน อิหร่าน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ เพราะภูมิยุทธศาสตร์ของอาเซียนโดยเฉพาะอาเซียนตอนบนนั้นติดกับประเทศจีน ถัดไปก็เป็นรัสเซีย ทางขวามือก็เป็นเกาหลีเหนือ ทางซ้ายมือก็เป็นอิหร่าน โดยมีจุดเปราะบางก็คือเมียนมาซึ่งกำลังเป็นสงครามกลางเมือง
เหตุที่เมียนมาเป็นเป้าหมายสำคัญของนาโต 2 ก็เพราะเมียนมามีจุดอ่อนไหวจากสงครามกลางเมืองในประเทศ และโดยภูมิยุทธศาสตร์จากเมียนมาสามารถทะลุทะลวงถึงจีนภาคใต้ตั้งแต่ยูนนาน ฉงชิ่ง เสฉวน และทะลวงขึ้นไปได้ถึงซินเกียงและทิเบต ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่จีนมุ่งเน้นระมัดระวังป้องกันอย่างสุดชีวิตจิตใจ
ในสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นเข้ายึดประเทศไทย เป้าหมายเพื่อส่งกำลังเข้าไปยึดเมียนมา และจะตีทะลวงขึ้นทางเหนือไปยังจีนตอนใต้ ประสานกับการเข้ายึดจากทางภาคอีสาน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์คีมเหล็กที่เยอรมันเป็นต้นแบบ
นาโต 2 ก็ยังคงสืบทอดแผนการทางยุทธศาสตร์คีมเหล็กนี้เพื่อกระทำต่อประเทศจีนไม่ต่างกับเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งในทางการทหารนั้นคณะเสนาธิการทหารของทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ทั่วกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมสี จิ้นผิง จึงเคลื่อนย้ายกำลังทหารถึง 500,000 คน มาตั้งฐานทัพใหญ่ไว้ที่มองโกเลียใน ซึ่งใช้เวลาเพียง 3 วันโดยทางบก หรือ 3 ชั่วโมงทางอากาศก็สามารถเคลื่อนทัพเข้าเมียนมาขับไล่ทหารต่างชาติผู้รุกรานแบบเดียวกับสงครามเกาหลี
พร้อมๆ กันนั้นก็ตกลงให้การช่วยเหลือเมียนมาส่งทหารหน่วยรบพิเศษ 100,000 นาย เข้ามาระวังป้องกันท่อแก๊สจีน-เมียนมา ตั้งแต่รัฐยะไข่ถึงมณฑลยูนนาน กำลังทหารหน่วยนี้ย่อมมิใช่มาทำหน้าที่เฝ้าท่อแก๊สอย่างเดียว แต่นั่นหมายถึงแสนยานุภาพทางทหาร 100,000 นาย และเมื่อรวมกับทหารเมียนมาอีก 400,000 นาย แล้ว ทางนาโต 2 ก็ต้องสังวรให้ดีว่าถ้าเกิดสงครามในเมียนมาก็จะเกิดสงครามภาคพื้นดินเป็นหลัก จะต้องใช้กำลังทหารเท่าใดจึงจะรุกเข้ายึดเมียนมาได้
หากไม่สามารถมีกำลังทหารขนาดนั้นก็อย่าเสียเวลามาสร้างความขัดแย้งทางทหารขึ้นในประเทศไทยเลย
นาโต 2 โดยสภาพภูมิยุทธศาสตร์จึงทำให้ประเทศไทยเสี่ยงที่จะกลายเป็นสนามรบ และยิ่งมีการเคลื่อนไหวนาโต 2 มากขึ้นเท่าใด ความตึงเครียดทางการทหารก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการซ้อมรบต่างๆ ในภูมิภาคนี้จากทั้งสองฝ่ายจึงเกิดขึ้นอย่างคึกคัก
โดยสภาพเช่นนี้ประเทศไทยจะปลอดภัยได้ก็ต้องมีผู้นำที่ปรีชาสามารถ ทำให้ประเทศไทยตั้งตนเป็นกลาง ไม่เป็นศัตรูกับฝ่ายใด และสามารถประสานความร่วมมือและผลประโยชน์กับทุกฝ่ายได้อย่างราบรื่น ความอับจนนี้บัดนี้มีคำตอบที่สว่างไสวแล้วหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ได้เสร็จสิ้นลง
สำหรับประชาชนชาวไทยก็ต้องตัดสินใจเลือกว่าจะให้ประเทศไทยเป็นสนามการค้าหรือเป็นสนามรบ แล้วร่วมกันดำเนินการทั้งปวงเพื่อให้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชาติไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี