ที่วัดโสภณตีธาราม (วัดเราะ) อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน ร่วมกับ เครือข่าย Alcohol watch วัดโสภณตีธาราม (วัดเราะ) ผู้ประกอบการคาเฟ่แคมป์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ วิชาพัฒนาชุมชนมหาวิทยาลัยราชภัฏ จ.สุราษฎร์ธานี ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายต่างๆ ในพื้นที่ ร่วมกันจัดกิจกรรม เข้าพรรษา “มานคร นอนวัด” ชวนตักบาตรหัวษา เที่ยวท่าหลาแคมป์วัดเราะ ภายในงานมีการตั้งแคมป์ แสดงดนตรี และเสวนาในหัวข้อ “เข้าพรรษากับการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย สร้างรายได้ให้ชุมชน...เป็นจริงได้อย่างไร” ทั้งนี้มีการจัดกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 13-15 กรกฎาคม 2565 และในเช้าวันที่ 15 มีกิจกรรม “ตักบาตรหัวษา (ต้นเข้าพรรษา)” ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน
นายองอาจ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน กล่าวว่า ทางเรามีแนวคิดในการเชิญชวนคนลด ละ เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วิถีใหม่ แล้วได้มาเห็นรูปแบบการจัดกิจกรรมของผู้ประกอบการในพื้นที่บ้านวัดเราะที่มีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ในรูปแบบของการตั้งแคมป์ ปลอดเหล้า ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของเราพอดี
จึงมีการหารือและร่วมมือกันใช้ประเพณีเข้าพรรษาเป็นจุดเริ่มต้นการทำกิจกรรมมานคร นอนวัด โดยเชิญเครือข่ายนักศึกษา มหาวิทยาลัย หน่วยงานและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม กิจกรรมภายในงานจะมี 3 รูปแบบใหญ่ๆ คือ 1.กิจกรรมทางศาสนา คือ เวียนเทียนในวันอาสาฬหบูชา ฟังเทศน์ ตื่นเช้ามาก็ตักบาตร 2.กางเต็นท์ และมีกางเต็นท์นอน มีลานกิจกรรมของครอบครัวต่างๆ และ 3.การแสดงบนเวทีที่มีทั้งศิลปะพื้นบ้าน เช่น มโนราห์ ดนตรีสมัยใหม่ โดยศิลปิน 3 กลุ่มคือ ศิลปินพื้นบ้าน ศิลปินที่แสดงในร้านผับ-บาร์ในพื้นที่ และศิลปินจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
“เชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยดึงวัยรุ่นให้หันมาเข้าวัดมากขึ้น โดยมีการตั้งแคมป์ ที่กำลังได้รับความนิยม และดนตรีเป็นสิ่งดึงดูด กิจกรรมภายในงานก็แฝงกิจกรรมชวนเลิกเหล้า ตามทฤษฎี Nudge (สะกิด) เชื่อว่าจะทำให้เกิดการพฤติกรรมลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้โดยไม่รู้สึกฝืน โดยเฉพาะเราเชื่อว่าเมื่อเข้ามาร่วมกันเป็นครอบครัว ซึ่งมีลูกๆ อยู่ด้วยนั้น จากการศึกษาของเราพบว่าหากลูกชวนพ่อแม่เลิกเหล้าจะทำให้เกิดผลสำเร็จมาก ดังนั้นจึงตั้งเป้าว่าใน 50 ครอบครัวที่มาร่วมกิจกรรมนั้น น่าจะมีสัก 80% ที่สามารถงดเหล้าได้ในช่วง 3 เดือน และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระยะยาวด้วย ซึ่งทางเราเตรียมต่อยอดรูปแบบดังกล่าวไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั้งจังหวัดและทั่วประเทศต่อไป เช่น กิจกรรมตั้งแคมป์ วิ่งงดเหล้า” นายองอาจ กล่าว
ด้าน นายณัฐพล จะสูงเนิน ผู้จัดงานมานคร นอนวัดและกลุ่มแคมป์วัดเราะ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนและเพื่อน ร่วมกันทำคาเฟ่แคมป์ ที่ใช้การขายกาแฟเป็นตัวดึงดูดลูกค้า ต่อมาในระยะหลังได้พยายามฟื้นหลักการ “บวร” เพื่อทำให้พื้นที่ชุมชนของเราเป็นพื้นที่ปลอดภัย เริ่มใช้ลานวัด และขยายไปพื้นที่โดยรอบวัดให้ปลอดเหล้า-บุหรี่ ซึ่งในระยะแรกๆ อาจจะมีคนในพื้นที่ตั้งข้อสงสัยว่าสามารถทำเช่นนี้ได้จริงหรือไม่ สุดท้ายก็ยอมรับ เพราะเห็นแล้วว่า 1 ปี กว่าๆ ได้ผลจริง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบๆวัดลดลง แทบจะเป็นศูนย์ แม้กระทั่งตามชายหาดที่เราเริ่มมีการจัดโซนนั้นทำให้มีการดื่มแบบสะเปะสะปะลดลง ขโมยขโจรลดลง ชาวบ้านกล้าอุ้มลูกจูงหลานออกมาทำกิจกรรมมากขึ้น จึงคิดว่าควรชูการทำงานแบบ “บวร” เข้าไปทุกกิจกรรม โดยล่าสุดได้ร่วมกับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า สถานศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ จัดกิจกรรมเข้าพรรษาแนวใหม่โดยการชวนประชาชน เยาวชนมาตั้งแคมป์ทำกิจกรรมเวียนเทียน ตักบาตรชมศิลปวัฒนธรรม หรือมานคร นอนวัด แคมป์ปิ้งงดเหล้า
“ตอนเรามาใหม่ๆ หน้าวัดเป็นเหมือนแลนด์มาร์คของคนกินดื่ม เพราะบรรยากาศดี คนคิดว่ากินได้ กินแล้วทิ้งขวดเกลื่อน เศษแก้วเต็มไปหมด เราพยายามติดป้ายรณรงค์ ประกาศผ่านเครื่องเสียง พ่อ ค้า แม่ค้าร่วมกันเตือนปากต่อปากตอนนี้ที่นี่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทบจะเป็นศูนย์แล้ว ถ้าผมเปิดคาเฟ่แคมป์ มีดนตรี ทุกคนจะรู้เลยว่าปลอดเหล้าเบียร์แล้ว พ่อ ค้าแม่ค้าก็จะร่วมด้วย ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงบุหรี่ ผมอยากขยายพื้นที่ จัดโซนที่ชายหาดให้ชัดเจน ทำให้พื้นที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับครอบครัวเรา ลูกหลานเรา ที่สำคัญการทะเลาะวิวาทส่งเสียงดังก็จะหายไปด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้”นายณัฐพล กล่าว
ด้าน พระปลัดจักกฤษ นาถกโร เจ้าคณะตำบลสระแก้ว เจ้าอาวาสวัดโสภณตีธาราม (วัดเราะ) กล่าวว่า ทางวัดมีการเปิดพื้นที่บางส่วนเป็นตลาดชุมชนบริการและจูงใจนักท่องเที่ยวทำให้เกิดการมีส่วนร่วมพึ่งพาอาศัย บ้าน วัด โรงเรียน และเป็นการสร้างอาชีพให้คนในชุมชน โดยให้แม่ค้าเป็นคนบริหารจัดการพื้นที่กันเอง อาทิ ชนิดของสินค้า การจัดการขยะ มีการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างวัดกับชุมชน โดยเป็นการสร้างคุณค่าให้พื้นที่ แต่ไม่ได้เอาพื้นที่ไปสร้างมูลค่า ทางวัดอยากจัดรูปแบบการจัดงานวัดที่เป็นรูปแบบใหม่ จัดงานแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วน เข้ากับยุคสมัย มีดนตรีได้แต่ต้องเป็นรูปแบบที่คนเข้าถึงได้ง่าย ส่วนในวันสำคัญทางศาสนาวัดมีการปฏิบัติในส่วนของศาสนกิจตามปกติ แต่จะเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน ปฏิบัติตามระเบียบสงฆ์ ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ห้ามขาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัด และเพื่อสร้างให้วัดเป็นพื้นที่ปลอดเหล้า ทำให้พื้นที่มีความปลอดภัย ครอบครัวพาลูก หรือผู้สูงอายุมาเที่ยวโดยสบายใจ”
นายสุริยันต์ ถึงแสง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ส่วนส่งเสริมและพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยมีการทำงานเรื่องโซนนิ่งร้านเหล้ารอบสถานศึกษาอยู่ตลอด ทั้งรณรงค์ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการร้านเหล้าให้ปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 และ คำสั่ง คสช.ที่22/2558 ที่ว่าด้วยการควบคุมร้านเหล้าใกล้เคียงสถานศึกษา
“การจัดงาน มานคร นอนวัด ในครั้งนี้เป็นงานที่ดีมาก เพราะเป็นการสร้างพื้นที่ทดแทนแหล่งอบายมุขรอบมหาวิทยาลัย ที่มีร้านเหล้า ผับ บาร์ อยู่จำนวนมาก และพื้นที่หาดวัดเราะอยู่ไม่ไกลกับมหาวิทยาลัยมากนัก ทำให้มีนักศึกษามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก การจัดงานในลักษณะนี้โดยมีนักดนตรีที่เป็นที่นิยมให้หมู่วัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ อีกทั้งไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย จึงเป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป เป็นกิจกรรมเชิงบวกที่ควรจัดขึ้นให้ต่อเนื่องและต้องขอบคุณ ทาง สสส. ที่สนับสนุนกิจกรรมดีๆ แบบนี้เสมอมา” นายสุริยันต์ กล่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี