ในช่วงสิบกว่าปีมานี้ สังคมไทยได้เห็นความโดดเด่นและอิทธิพลทางการเมืองของครอบครัวชินวัตร ที่เข้ามามีบทบาทในแวดวงการเมืองโดยตลอด สอดคล้องกับการเกิดทฤษฎี ราชวงศ์ทางการเมือง (Political Dynasty)ที่ว่าด้วยการเมืองแบบตระกูล หรือครอบครัวนำพาซึ่งวันนี้ การนำพาโดยตระกูลชินวัตรได้ใช้ชื่อ “ครอบครัวเพื่อไทย” มาเป็นชื่อทางการตลาด
แต่ทั้งนี้องค์กรการเมืองหนึ่งใดหากมีลักษณะของการเป็นครอบครัวการเมืองแล้ว ก็หนีไม่พ้นที่จะมีนัยของการกระจุกตัวของอำนาจอยู่ที่ตัวบุคคลคนเดียว หรือกลุ่มบุคคลที่เป็นวงศาคณาญาติกันเพียงไม่กี่คน ซึ่งถือเป็นอำนาจสูงสุดสั่งการ ซึ่งเป็นการครอบงำมิใช่แค่บุคลากรในครอบครัวเท่านั้น หากแต่ยังครอบงำสังคมและประชาชนพลเมืองทั้งปวงอีกด้วย
ตามประวัติศาสตร์การเมืองของโลก ชาวโลกก็ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ทางการเมืองเป็นระยะๆ ซึ่ง ณ วันนี้ ก็ดูได้ที่เกาหลีเหนือ โดยตระกูลคิม ที่อินเดียโดยตระกูลเนห์รู-คานธี ที่ปากีสถาน โดยตระกูลบุตโตและตระกูลชารีฟ ที่ฟิลิปปินส์ โดยตระกูลมาร์กอส ที่ศรีลังกา โดยตระกูลราชปักษา เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีอีกหลายประเทศที่ราชวงศ์การเมืองเพียรพยายามที่จะครอบงำ และยึดอำนาจให้ยาวนาน แต่แล้วก็ไปไม่รอด เช่นที่ อียิปต์ โดยตระกูลมูบารัค หรือที่ลิเบีย โดยตระกูลกัดดาฟี่ ต่างกับที่ซีเรีย ตระกูลอัลอะซัด ยังสามารถปกครองอยู่ได้ด้วยการค้ำจุนของฝ่ายรัสเซีย
บรรดาราชวงศ์ทางการเมืองต่างๆ มักจะลืมความไม่จีรังยั่งยืน ทำให้หลงระเริงไปกับอำนาจวาสนาและมองข้ามพลังประชาชนที่มีจิตสำนึก และความต้องการในเรื่องความเสมอภาค ทัดเทียม ในเรื่องความยุติธรรม และการได้รับการดูแล เพื่อความสงบและความผาสุกในชีวิตประจำวัน
โดยทั่วไปราชวงศ์ทางการเมืองคงอยู่ได้ด้วยการใช้อำนาจกดขี่ประชาชน และขจัดคู่ต่อสู้ผู้เห็นต่างทางการเมืองทุกวิถีทาง ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มที่จะเห็นเค้าโครงของการสถาปนาราชวงศ์การเมืองที่กัมพูชา โดยสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กำลังตระเตรียมให้ลูกชายคนโตของตนสืบทอดอำนาจต่อ โดยมิได้คำนึงถึงหัวอกของประชาชนพลเมือง หรือบทเรียนจากประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกที่ว่า การผูกขาดอำนาจทางการเมืองหนีไม่พ้นที่จะต้องเผชิญกับการลุกฮือของประชาชนพลเมืองในที่สุด เพราะแท้จริงแล้ว ประชาชนพลเมืองต้องการมีสิทธิเสรีภาพ และไม่ต้องการตกอยู่ในสภาวะของความหวาดกลัว
ล่าสุดประชาคมโลกก็ได้เห็น การต่อสู้เพื่อความถูกต้องยุติธรรม และอนาคตชีวิตของชาวศรีลังกาที่ไม่เกรงกลัวต่อการใช้อำนาจที่ป่าเถื่อน และไร้ความชอบธรรม ผนวกด้วยการโกงกินบ้านเมืองอย่างไม่ลดละของตระกูลราชปักษา ราชวงศ์ทางการเมืองที่ครองอำนาจในเวทีการเมืองของศรีลังกามาร่วม 20 ปี โดยให้บรรดาพี่น้องสลับกันเป็นประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ในครอบครัวก็ได้รับตำแหน่งต่างๆ ทั้งทางด้านการเมือง และแวดวงข้าราชการกันถ้วนหน้า แต่ในวันนี้ กลับไม่มีแผ่นดินอยู่ ต้องหลบหนีไปลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม โดยทิ้งความหายนะไว้ให้กับประเทศ และประชาชนพลเมืองชาวศรีลังกา ที่ต้องตกอยู่ในสภาพล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว จากการบริหารประเทศที่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตน มากกว่าของสังคมโดยรวม
ในมุมกว้างเราชาวไทยก็ต้องตระหนักว่า ราชวงศ์ทางการเมืองนั้น ไม่สอดคล้องกับสังคมประชาธิปไตย เพราะมีลักษณะของการรวบอำนาจ ผูกขาดอำนาจ และทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย และผู้ใด
ก็ตามที่สนับสนุน (โดยสมัครเข้าไปเป็นสมาชิก “ครอบครัว”) ก็ย่อมจะไม่มีความเป็นตัวของตัวเองดั่งสละแล้วซึ่งสิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ เพราะมีสถานะแค่เป็นลูกหาบ หรือเป็นลูกทาสเท่านั้น
และที่สำคัญ บุคลากรทุกคนของราชวงศ์ทางการเมือง ต่างมีหน้าที่ในการรับใช้และตอบสนองความต้องการของ “ประธานราชวงศ์ทางการเมือง” (หัวหน้าครอบครัว) เท่านั้น ไม่มีหนทางหรือโอกาสใดๆที่จะมีความเป็นตัวของตัวเอง ที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ เพราะหน้าที่หลักกลับกลายเป็นการตอบสนองให้ราชวงศ์ทางการเมืองสามารถดำรงได้ต่อไป มิได้ตอบสนองประชาชนพลเมืองโดยทั่วไป
ครอบครัว “เพื่อไทย” ณ วันนี้ มากไปด้วยนักการเมืองที่คร่ำหวอด และพยายามสร้างความภูมิใจกับพรรคพวกตนเองว่ากำลังยืนอยู่ฝั่งประชาธิปไตย ต่อสู้และยืนหยัด เพื่อความเป็นประชาธิปไตยของชาติไทย ซึ่งในทางด้านพฤตินัยแล้ว คนเหล่านี้เป็นผู้ยอมสยบกับราชวงศ์ทางการเมืองชินวัตร ที่ส่งต่ออำนาจบริหารประเทศให้กับคนในตระกูลตนเองไปเรื่อยๆ เท่านั้น
ก็คงจะตีความเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากจะบอกว่า บุคลากรเหล่านี้นั้นไม่ใช่ของแท้ เป็นแค่เพียงนักประชาธิปไตยเทียม เป็นแค่บรรดาพวกที่ยอมสยบต่อลัทธิอำนาจนิยม แถมยังกล้าอ้างเอาความเป็นประชาธิปไตยมาห่มตนเองเพื่อหลอกลวงสังคมไทยอีกต่างหาก
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี