ในญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามบทบัญญัติในมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พุทธศักราช 2560 รัฐธรรมนูญซึ่ง “นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” ได้อภิปรายจั่วหัวการพิจารณาญัตตินี้ว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติดึงประเทศถอยหลังนับสิบๆ ปี เป็นมะเร็งร้ายบ่อนทำลายระบอบการเมืองไทย ทำลายประเทศ เพียงแค่ต้องการสนองตัณหาการอยู่ในอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์อย่างไร้ความชอบธรรม โดยไม่ใส่ใจต่อความพินาศของเศรษฐกิจสังคมเท่านั้น
เป็นผู้นำที่ทำการสถาปนา “สภากล้วย จงใจเป็นปฏิปักษ์ทำลายระบบรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ครอบงำชี้นำพรรคการเมืองให้สมยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก้าวก่ายแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติสั่งบัญญัติสูตรคำนวณสส.หาร 500 เพื่อทำลายพรรคการเมืองคู่แข่งเพื่อให้การยึดอำนาจมาไม่เสียของ เปรียบเหมือนจับหนูตัวเดียวแต่เผาบ้านตัวเอง ตนยังเชื่อมั่นเสียงในสภาฯไม่ชนะศรัทธาประชาชน ผู้ดูถูกอำนาจประชาชนจะถูกสั่งสอนในสนามเลือกตั้ง
ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีชี้แจงสั้นๆ แต่ได้ใจความว่าที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่ข้อเท็จจริง และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ถ้าโจมตีลักษณะให้ร้าย พูดจาส่อเสียด ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ... ผมไม่ได้พูดว่าตัวเองเก่งที่สุด ท่านเป็นหมอฉลาดกว่าผม แต่โชคดีที่ผมไม่ไปรักษากับท่าน และผมก็ทราบดีว่าท่านชื่นชมคนที่ทำงานมาก่อนว่าทำงานดีกว่าผม ไม่เป็นไร ก็เอากลับมาให้ได้แล้วกัน”
นี่แหละข้อเท็จจริง!?!?! หมอชลน่านคงลืมการเมืองในอดีตที่ผ่านมาว่า “กำพืด” เป็นเยี่ยงไร โดยเฉพาะในยุคที่พลเอกประยุทธ์พาดพิง เราไม่ใช่คู่ขัดแย้งนักการเมืองพรรคฝ่ายค้านไม่ใช่ “องครักษ์พิทักษ์รัฐบาลลุงตู่” แต่อยากเตือนสติท่านเรียกสามัญสำนึกตรงนี้การกำเนิด “ระบอบทักษิณาธิปไตย” ในพ.ศ.2544 ตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2540 ที่เหล่าส่ำสัตว์และเจ้าของพวกท่านชื่นชม เพียงเพราะสามารถใช้เศษอาหารที่หาได้จากน้ำพักน้ำแรงในการทำธุรกิจอย่างชาญฉลาดกับการทุจริตคอร์รัปชั่นหลังการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง สามารถควบรวมพรรคการเมืองที่หิวโหยให้เข้าสู่คอกฟาร์มที่บุคคลเบื้องหลังท่านสร้างขึ้นจนก่อให้เกิดระบอบเผด็จการโดยเสียงข้างมากและ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิทุนจากการเลือกตั้ง ไม่ฟังเสียงส่วนน้อยบริหารราชการแผ่นดินตามอำเภอใจแบ่งแยกประเทศไทย สร้างความแตกแยก สร้างสภาวะความแปลกแยก ตอบแทนเสียงสวรรค์เฉพาะกลุ่มประชาชนจังหวัดที่สนับสนุนพรรคการเมืองของตนเองก่อน
สร้างคุณลักษณะ “สมบูรณาญาสิทธิทุน” ในแง่การใช้อำนาจทางการเมือง ยักยอกรัฐธรรมนูญ ยึดครองประชาธิปไตย แก้ไข/เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้มีความสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวพันหรือมีผลประโยชน์แอบแฝงเพื่อหมู่คณะของตนเองหลงใหลทุนนิยมใหม่จนลืมประเทศชาติ สร้างกระแสระบบทุนนิยมโดยลืมความเป็นรากเหง้าความเป็นไทย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในยุคที่พรรคไทยรักไทยและหมอชลน่านกับพวกพ้องเรืองอำนาจมิใช่หรือ
หมอชลน่านเป็นนักการเมืองระดับดาวสภาที่มีอนาคตทางการเมืองก้าวไกลคนหนึ่งน่าจะทราบดีว่าแนวปฏิบัติที่เกิดขึ้นในการเมืองยุคนั้นนักวิชาการสากลเขาเรียกว่าระบอบคณาธิปไตย ซึ่งเป็นการปกครองบนโครงสร้างอำนาจที่บิดเบี้ยวอำนาจกระจุกอยู่กับกลุ่มบุคคลส่วนน้อยอย่างชะงัด บุคคลเหล่านี้อาจเป็นชนชั้นเจ้า ชนชั้นเศรษฐี ผู้มีการศึกษา หรือผู้นำฝ่ายการเมือง รัฐเช่นว่านี้มักถูกควบคุมโดยตระกูลมีชื่อเสียงไม่กี่ตระกูลซึ่งส่งผ่านอิทธิพลของตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น อย่างไรก็ตามการสืบทอดอำนาจในระบอบคณาธิปไตยอาจไม่จำเป็นต้องสืบทอดอำนาจผ่านทางสายเลือดเสมอไป
สมเพชคำอภิปราย ที่ถ่มน้ำลายรดฟ้าจนหน้าเลอะขว้างงูไม่พ้นคอจนตายทั้งคณะ เพราะ “ทักษิณาธิปไตย”มันคือระบอบอาญาสิทธิทุนนิยมจากการเลือกตั้ง (Elected Capitalist Absolutism) หรือสมบูรณาญาสิทธิทุนในแง่การเมืองที่เลวร้ายมากกว่ายุคไหนๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี