เมื่อมีการเปิดประเทศ เปิดกิจการ ผลประกอบการของธุรกิจภาคส่วนต่างๆ ก็กลับมาขยายตัว
ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม การคมนาคมขนส่ง กลับมาคึกคัก
ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เคยมีคนตีฆ้องร้องป่าวว่าจะต้องล่มจม หลับไม่ตื่น เขย่าขวัญกันไว้ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ปั่นกระแสโจมตีรัฐบาล
ตรงกันข้าม ส่วนใหญ่กลับมีกำไรขยายตัวยอดขายทำนิวไฮ (บริษัทของตระกูลชินวัตรด้วย)
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 38 บริษัทในตลาดหุ้น ทำรายได้โอนกรรมสิทธิ์สินค้าบ้านและคอนโดมิเนียมรวมกัน 148,529 ล้านบาท!
ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2 ปี 2565 สะท้อนภาพแนวโน้มธุรกิจและเศรษฐกิจไทยได้อย่าง
น่าสนใจ
ใจความสาระสำคัญ สรุปว่า
1. ระบบธนาคารพาณิชย์ไทย มีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป
ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 3,076.6 พันล้านบาท
คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ร้อยละ 19.6
เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 909.6 พันล้านบาท
โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ร้อยละ 166.6
และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่ร้อยละ 185.5
ถือว่ามีความมั่นคง ปลอดภัย ในระดับแข็งแกร่งมาก
คงมีแต่คนโง่ และคนบ้า ที่จะมั่วว่าสถานการณ์เหมือนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะเทียบกันไม่ได้เลย
2. ธนาคารพาณิชย์มีผลประกอบการปรับดีขึ้นจากปีก่อน โดยหลักจากการเติบโตของสินเชื่อที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลง
ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปี 2565 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 6.3
สินเชื่อธุรกิจขยายตัวที่ร้อยละ 8.0 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
สินเชื่อธุรกิจ SMEs ขยายตัวได้จากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเป็นสำคัญ
สินเชื่ออุปโภค-บริโภคยังคงขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ 3.0 แม้จะชะลอลงบ้างจากไตรมาสก่อน
โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังขยายตัวตามอุปสงค์ต่อที่อยู่อาศัยที่เริ่มกลับมาขยายตัวได้
3. ด้านคุณภาพสินเชื่อ
ธนาคารพาณิชย์ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้และบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อเพื่อดูแลคุณภาพสินเชื่อโดยรวมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non Performing Loan : NPL หรือ stage 3) ของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2 ปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่ 527.9 พันล้านบาท
คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.88
ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม(Significant Increase in Credit Risk: SICR หรือ stage 2) ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 6.09
4. ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2565 จำนวน 64.7 พันล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.2
มาจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลง หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยกันสำรองไว้ในระดับสูงตลอดช่วง COVID-19
5. ขอฟันธงไว้ตรงนี้ว่า ต่อให้พลเอกประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ ต่อไป เศรษฐกิจประเทศก็ไม่ล่มจมไม่ล่มสลาย
กลับมีแต่จะขยายตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ตามปัจจัยเศรษฐกิจโลก และมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ กระตุ้นการบริโภค การลงทุนภายในประเทศที่เริ่มเกิดดอกออกผลมากขึ้นเรื่อยๆการส่งออกพืชผลการเกษตรที่ดีขึ้นเกือบทุกตัว และการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่จะทะลักเข้ามาช่วงครึ่งปีหลัง
ถ้าเศรษฐกิจประเทศจะฉิบหาย ก็เพราะพวกนักการเมืองเส็งเคร็งปั่นกระแสแย่งอำนาจรัฐนี่แหละ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี