เมื่อต้นสัปดาห์ (19 กันยายน) หากนับย้อนหลังไป 16 ปี คือวันโค้นล้มระบอบทักษิณ ระบอบการเมืองการปกครองในยุคสมัยหนึ่งที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนผ่านนโยบายประชานิยมอย่างล้นหลาม ผ่าน “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จากการเลือกตั้ง” อันเป็นเผด็จการเสียงข้างมากในรัฐสภา ที่สร้างความแตกแยกร้าวฉานของชาติจวบจนถึงปัจจุบันด้วยนโยบาย “ประชานิยม”
นโยบายรัฐซึ่งส่งผลให้มีชนชั้นนำในประเทศไปจนถึงคนในระดับรากหญ้าจำนวนมากได้ประโยชน์จากนโยบาย ของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย (พลังประชาชนและเพื่อไทยในปัจจุบัน) นำไปสู่ความนิยมจนเป็นฐานเสียงในการเลือกตั้ง ทำให้ได้รับชัยชนะที่มีการประดิษฐ์วาทกรรมว่า “แลนด์สไลด์”
อย่างไรก็ดีความนิยมต่อตัวทักษิณยังคงมีอยู่อย่างหนาแน่นมาจนทุกวันนี้ แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายประชานิยมของทักษิณ กลายมาเป็นผู้ที่นิยม, ศรัทธา, งมงายในตัว “ทักษิณ” มาจนถึงปัจจุบัน ปิดกั้นการรับรู้รับทราบเบื้องหลังที่มาของผลประโยชน์มหาศาลที่มีคำพิพากษาความผิดหลายคดี ลบคำปรามาส “รวยแล้วไม่โกง” จนหมดสิ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ คือผู้รับผลประโยชน์ร่วมกันปล้นชาติผ่านนโยบายประชานิยม”
ไม่มียุคใดสมัยใดที่ประวัติศาสตร์ไทยต้องจารึกถึงความแตกแยกในสังคม แม้สังคมไทยจักไม่เคยมีการแบ่งแยกสีผิว เพราะคนไทยเป็นคนผิวเหลืองไม่มีผิวขาวไม่มีนิโกรใดๆทั้งสิ้น แต่“ทักษิณ”และพวกก็ปลุกเร้าแบ่งแยกประชาชนออกเป็นสีได้ในที่สุด จนเกิดความรุนแรงในสังคมมีการฆ่าฟันกันอย่างที่ไม่เคยมีประวัติศาสตร์การเมืองไทยยุคใดจะเลวร้ายเท่านี้มาก่อน
ครั้งหนึ่งทักษิณเคยสำรอกสำรากถึงคำว่า“ระบอบทักษิณ” ผ่านสื่อโซเชี่ยล “คลับเฮ้าส์ช่อง CARE คิดเคลื่อนไทย”ของเขาและส่ำสัตว์ที่เชียร์ตนเองภายใต้หัวข้อ “Thaksin Regime in The Multiverse of Poorness : ระบอบทักษิณในมัลติเวิร์สของความจน” โดยกล่าวถึงกองทัพตอนหนึ่งว่า “ไม่ได้เกลียดทหารแต่ทหารโลกแคบ เอามาบริหารประเทศไม่ได้...วันนี้โลกเปลี่ยนจากเดิมมาก การคิดอะไรเดิมๆ มีแต่เจ๊ง”นี่คือการยอมรับ ความมีอยู่ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบสามานย์ที่เขาสร้างขึ้น
แม้จะหมดความกล้าหาญหลบหนีคดีทุจริตประพฤติมิชอบออกไปเคลื่อนไหวทำร้ายด้อยค่าประเทศของตนเองด้วยความเป็นคนที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ ถึงแม้จะไม่มีวันชนะจวบจนลมหายใจสุดท้ายก็ตาม แต่ก็พยายามส่งคนในตระกูล “ชินวัตร” เข้าสู่วงการการเมืองในฐานะผู้นำรัฐบาล ทั้ง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์(น้องเขย), ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (น้องสาว), รวมทั้งล่าสุดมีความพยายามที่จะให้บุตรสาวคนเล็กในวัย 35 กะรัต ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งด้วยความไม่ยอมแพ้ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยโดยอาศัยกลไกทางกฎหมายด้วยพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมล้างมลทินความผิดที่ศาลพิพากษาตัดสินไปแล้ว
ความไม่รู้สำนึกเยี่ยงนี้ สังคมไทยยังจะสนับสนุนให้ “ครอบครัวชินวัตร” อาศัยพรรคเพื่อไทยใช้ศรัทธาทางการเมืองมาเป็นความชอบธรรมเพื่อการนี้อย่างนั้นหรือ
คนไม่เคยสำนึกผิดชอบชั่วดีสมควรหรือที่สังคมไทยจะสนับสนุนให้ได้โอกาสนิรโทษกรรมเยี่ยงนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี