บทความนี้ได้กล่าวถึงการพัฒนาที่น่าชื่นชมของวัฒนธรรมไทยในการจัดงานสมรส ซึ่งถ้าเป็นชาวพุทธก็อาจจัดได้อย่าง “เรียบ ง่าย และประหยัด” ตามวิถีพุทธ ในโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ พร้อมด้วยพิธีสงฆ์
นอกจากนั้น ยังชี้ให้เห็นว่า การนำอำนาจละมุน (Soft Power) ของวัฒนธรรมมาใช้ให้ถูกทาง ย่อมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศของเราเป็นอย่างมาก แต่ถ้าจะให้ดีขึ้น ก็คงจะต้องด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิด
ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงมหาดไทย (องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น)
ส่วนการปรับปรุงวัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งขึ้น (Strong Culture) เพื่อความมั่นคงทางสังคมของชนชาวไทยซึ่งตรงข้ามกับคำว่า Soft Culture ซึ่งเราเคยถูกวิพากษ์ไว้จากผู้นำระดับโลก) ก็เป็นเรื่องของชาวกระทรวงวัฒนธรรมที่จะต้องนำไปคิดและนำไปปฏิบัติเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น ภายในกำหนดเวลาตามสมควร มิฉะนั้นก็จะล่วงเลยมากว่าสองร้อยปี ตามที่มิสเตอร์ตูร์แป็ง ชาวฝรั่งเศส ได้เขียนรายงานไว้เมื่อปี ค.ศ.2314 ส่วนคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ยังสดและล่าสุด ก็น่าจะได้แก่คำบ่นของจิตรกรระดับชาติท่านหนึ่ง ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้เรียกว่า “ระบอบแบบไทย ไทย” ซึ่งท่านนิยามไว้ว่า
- ระบอบแบบไทย ไทย นี้ เป็นระบอบที่เกิดขึ้นมาจาก นิสัย สันดาน สภาพแวดล้อม ทัศนคติ แนวคิด พฤติกรรม ค่านิยมและสังคมแบบไทย ไทย
- ที่ส่วนใหญ่รักสบาย มักง่าย เล่นพรรคเล่นพวก มือถือสากปากถือศีล ไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีอุดมการณ์
- และที่สำคัญในช่วงหลังๆ คือวัดค่าของคนจากเงิน ของใช้ รถยนต์ สิ่งที่มองเห็นจากข้างนอก จากภายนอก ฯลฯ
- ในเมื่อการวัดค่าของคนไม่ได้อยู่ที่จิตใจ ความถูกต้อง ความดีงาม ความสามารถ อีกต่อไป
- คนส่วนใหญ่จึงมีเป้าหมายใหม่ เป็นการทำอย่างไรก็ได้ให้มีเงินมากที่สุด
- เมื่อความต้องการเงินมากๆ โดยไม่เลือกวิธีการ ไปรวมกับนิสัยแบบไทยๆ ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงนำไปสู่การคอร์รัปชั่น ทั้ง ใน นอก ลับ และเปิดเผย
- การคอร์รัปชั่น มีขึ้นแทบทุกหน่วยงานราชการ รวมไปถึงในภาคเอกชน และภาคครัวเรือนด้วย ที่เป็นหนึ่งในตัวการส่งเสริมการคอร์รัปชั่น (ยอมให้ชาติเสียประโยชน์ เพื่อตนเองได้ประโยชน์)
- ถ้าเกิดและโตมาจนอ่านหนังสือออก เล่นเฟซบุ๊คได้ คงไม่มีใครไม่เคยเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น
- ฝากลูกเข้าโรงเรียน ยัดเงินตำรวจ โกงภาษีเงินได้ สารพัดการคอร์รัปชั่น ในชีวิตประจำวัน (ไม่ต้องพูดถึง การคอร์รัปชั่น ระดับนักการเมืองที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว)
- ที่น่าแปลกใจ คือคนไทยรับได้ แถมอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขอีกด้วย
- ด่านักการเมือง ว่าเลวทุกคน ถึงเวลา ขอให้ช่วยฝากลูกเข้าโรงเรียน ฯลฯ
- ด่าตำรวจไม่มีดี ถึงเวลา ช่วยหนูหน่อยนะพี่ ขี้เกียจไปโรงพัก
- สิ่งเหล่านี้คือระบอบแบบไทย ไทย มีมานาน แสนนานแล้ว
- เลิก > คิดมักง่าย
- เลิก > ขับรถผิดกฎจราจร
- > หันมามองความสามารถภายใน ความดี ความมีคุณธรรม ลดความเห็นแก่ตัว เคารพสิทธิของผู้อื่น เคารพกฎหมาย ให้มากกว่านี้เถอะ จะทำให้เกิด “ระบอบแบบไทย ไทย” ในรูปแบบใหม่ (New Version) ที่ดีงามต่อประเทศไทย สังคมส่วนรวมและตัวเราเอง (รวมทั้งโลกด้วย)
แล้วใครเล่าจะมาเป็นคนแก้ไขวัฒนธรรมอันอ่อนแอ (Soft Culture) ของคนไทยได้ ถ้าไม่ใช่คนไทยเอง
ท่านชวน หลีกภัย อดีตประมุขของอำนาจบริหาร อดีตและปัจจุบันของประมุขอำนาจนิติบัญญัติ นักการเมืองที่ผ่านการเมืองน้ำเน่า (Money Politics) และวงจรอุบาทว์ (Vicious Circle) มามากครั้ง โดยไม่มีความด่างพร้อยได้กล่าวไว้ ณ วิทยาลัยบรมราชชนนีตรัง เมื่อ 18 กันยายน 2565 ว่า
“ถึงแม้ว่าเงินสำคัญก็จริง แต่ไม่สำคัญเท่ากับสร้างคนให้มีความรับผิดชอบเพราะปัญหาของประเทศไทยที่แท้จริงคือการสำนึกรับผิดชอบ ความมีวินัย ความรับผิดชอบเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด กู้แล้วไม่คืน เราได้คนมีความรู้ แต่เริ่มต้นด้วยชีวิตโกง”
เมื่อเรามอบอำนาจอธิปไตยทั้งสาม อันได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ และอำนาจบริหาร ไปให้ตัวแทนของเราใช้แล้ว ตัวแทนที่ใช้อำนาจบริหารอยู่ ซึ่งได้แก่ คณะรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และข้าราชการประจำของกระทรวงนี้ ก็ควรที่จะทำหน้าที่รับผิดชอบในการแก้ไข “ระบอบแบบไทย ไทย” ให้เป็นรูปแบบใหม่ (New Version) ที่จะทำให้สังคมไทยก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นอารยะ (Civilized Society) ไม่เป็นที่ดูหมิ่นดูแคลนจากประเทศที่อ้างว่าเจริญแล้ว และจากผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านบางท่านอีกต่อไป
นอกจากนั้น ข้าราชการประจำของกระทรวงอื่น เช่น กระทรวงศึกษาธิการ หรือตัวแทนของเราในอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งมีอำนาจออกกฎหมายและบทบัญญัติอื่นๆ อย่างล้นฟ้า ก็น่าจะต้องมีหน้าที่เดียวกันอย่างจริงจัง เพื่อทำให้คำที่ย่อเพื่อการจำง่ายๆ ว่า SPORTING MIND แก้ไขปัญหาความเห็นแก่ตัว (Selfishness), สร้างการเป็นคนตรงต่อเวลา (Punctuality), ลดเลิกการเป็นนักฉวยโอกาส (Opportunist), สร้างให้คนไทยเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ (Responsibility) และเป็นคนที่มีความคิดไตร่ตรอง (Thoughtfulness) หลีกเลี่ยงสิ่งที่ผิดศีลธรรมและจริยธรรม (Immorality), ความใจแคบเห็นแก่ตัว(Narrow Minded), มีการคิดถึงคนอื่นมากกว่าตนเอง เอาใจเขามาใส่ใจเรา (Golden Rule), มีความเป็นสุภาพบุรุษ (MAN), ไม่คิดสั้นมองสั้น (Near Sighted) และรู้รักศักดิ์ศรีในความเป็นคนไทยอารยะ (Dignity)
อันสรุปเพื่อจำได้ง่ายๆ ว่า SPORTING MIND
เท่าที่กล่าวมาข้างต้น คือบทบาทของวัฒนธรรมในการสร้าง
ความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ
ความมั่นคงทางสังคม
วัฒนธรรมยังจะมีบทบาทต่อความมั่นคงเพื่อความอยู่รอดของชาติไทย (Sustainability of Thai Nation) ได้อีก
ความมั่นคง เพื่อความอยู่รอดของชาติไทย คืออะไร
กว่าที่บรรพบุรุษของเรา ไม่ว่าจะมีเชื้อสายมาจากชนพื้นเมือง ชาวญวน ชาวเขมร ชาวจีน ชาวยุโรป ชาวอินเดีย ชาวอิหร่าน จะรวมกันสร้างดินแดนนี้ขึ้นมาเป็นประเทศไทย เป็นชาติไทย เป็นคนไทย และมีผืนดินนี้เป็น บ้านเกิด (Birth Place), เมืองนอน (Homeland) และแดนตาย (Eternal Sanctuary) ของเรานั้น ก็ได้ต่อสู้ฟาดฟัน เสียเนื้อ เสียเลือด กันมากมาย แต่สิ่งที่หลอมเราให้เรามาเป็น “คนไทย” ด้วยกันได้ในปัจจุบันก็คือ วัฒนธรรมนี่เอง
เรามาจากที่ต่างๆ กัน และมีพระมหากษัตริย์ราชวงศ์ต่างๆ ในอดีตเป็นผู้นำที่สร้าง รักษา ปรับปรุง และฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยไว้ให้เรา ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย การแต่งกายแบบไทย (ทั้งแบบราชสำนักและแบบพื้นบ้าน) ศิลปกรรมไทย สถาปัตยกรรมไทย โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนไทย หัตถกรรมไทยอาหารไทย ขนมไทย เพลงไทย ศิลปินแห่งชาติในทุกสาขา ฯลฯ
ทำให้ลดความแตกต่างจากภาษา, ประเพณีเดิมของท้องถิ่นที่จากมา จนเกิดความกลมกลืนขึ้นมาเป็นวัฒนธรรมไทยมาเป็นคนไทยด้วยกัน จนทุกวันนี้ และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ด้วยวัฒนธรรมที่ว่า
ประเพณีไทยแท้ แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ
ในอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มีการสู้รบและจะสู้รบกันในทุกภูมิภาค ประเทศเล็กๆ อาจจะกลายเป็นสมรภูมิของประเทศใหญ่ๆ ก็ได้ ถ้าไม่กลายเป็นมณฑล หรือมลรัฐของมหาอำนาจใดอำนาจหนึ่งไปเสียก่อน
การวางแผนสร้างความมั่นคง เพื่อความอยู่รอดของชาติไทย โดยอาศัยวัฒนธรรมที่เป็น Soft Power จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
ในปัจจุบัน ประเทศไทยเราเป็นสังคมผู้สูงอายุและมีคนเกิดน้อยกว่าคนตาย ส่วนผู้สูงวัยก็อายุยืนขึ้นทุกทีตามความเจริญทางการแพทย์
ว่ากันว่าขณะนี้ คนในวัยทำงานของไทย 5 คน ต้องดูแลรับผิดชอบผู้สูงวัย 1 คน และในอีกสิบปีข้างหน้า คนไทยในวัยทำงานเพียง 3 คน จะต้องรับผิดชอบผู้สูงอายุ 1 คน
ประเทศไทยเราจะอยู่รอดได้อย่างไร จะก้าวหน้าให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้อย่างไร ในเมื่อคนวัยทำงาน ก็มีน้อยลง ภาระในการดูแลผู้สูงอายุก็มากขึ้น
หากคิดดูดีๆ แล้ว วัฒนธรรมไทย อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
ศิริภูมิ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี