โศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดในประเทศไทย เกิดขึ้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์การบริหารตำบลอุทัยสวรรค์อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อช่วงเวลาประมาณเที่ยงวันของวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ทำให้เกิดคำถามกับสังคมไทยอีกครั้งว่า เราทุกคนในสังคมไทย (และสังคมโลกด้วย) จะรับมือ และแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้อย่างไร เพื่อลดการสูญเสียชีวิตได้มากที่สุด
เมื่อย้อนกลับไปดูข่าวเก่าเกี่ยวกับการเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนต่างๆ ทั่วโลก โดยอ้างอิงจากข้อมูลของสำนักข่าวรอยเตอร์สจะพบว่ามีเหตุโศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกามากที่สุด
ศาสตราจารย์ อดัม แลงค์ฟอร์ด นักวิชาการด้านอาชญวิทยาและความยุติธรรมทางอาญา มหาวิทยาลัยแอละแบมา สหรัฐฯ (Adam Lankford : Professorof Criminology & Criminal Justice at TheUniversity of Alabama) ทำงานวิจัยด้านการสังหารหมู่ในโรงเรียน แล้วมีข้อสรุปที่ได้จากงานวิจัยในประเด็นนี้ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2016 ระบุว่านับจากปี 1966-2012 พบว่ามีเหตุกราดยิงในโรงเรียนในพื้นที่ของประเทศสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 31 ของเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ในทั่วโลก รวมถึงในประเทศที่มีประชากรเกิน 10 ล้านคน และพบด้วยว่าในประเทศเยเมน มีสถิติการกราดยิงต่อหัวประชากรสูงกว่าการเกิดเหตุในสหรัฐฯ
งานวิจัยของ ศ. แลงค์ฟอร์ด ระบุด้วยว่าในกรณีเกิดเหตุจากมือปืนเพียงคนเดียวที่ก่อเหตุ พบว่ามีเหตุรุนแรงเช่นนี้เกิดในสหรัฐฯ มากกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกถึง 6 เท่า
นอกจากนี้ เมื่อศึกษาจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ พบว่ามีเหตุกราดยิงในเขตโรงเรียนของสหรัฐฯ ในช่วงปี 2009-2018 มีเหตุกราดยิงในโรงเรียนในสหรัฐฯ 288 ครั้ง
(นับเฉพาะเหตุที่เกิดขึ้นแล้วมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 คนขึ้นไป โดยไม่รวมตัวของผู้ก่อเหตุ) แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการเกิดเหตุทำนองเดียวกันนี้ในช่วงเวลาเดียวกันในประเทศพัฒนาแล้ว (โดยเฉพาะในกลุ่ม G 7) พบว่าเกิดเหตุแบบนี้ 5 ครั้ง
แต่สำหรับเหตุโศกนาฏกรรมที่รุนแรงมากในครั้งนี้ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งเกิดที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในจังหวัดหนองบัวลำภูนั้น นับได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมครั้งแรกที่เกิดขึ้นในพระราชอาณาจักรไทย
จึงทำให้เกิดคำถามว่า อะไรคือมูลเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และคำถามที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เราทุกคนจะร่วมกันป้องกันการเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเช่นนี้ได้อย่างไร
แน่นอนว่า เรายังต้องศึกษาและวิเคราะห์ถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้ผู้ก่อเหตุลงมือก่อคดีอุกฉกรรจ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เราจะใช้บทเรียนสำคัญครั้งนี้สร้างจิตสำนึกในการเอาตัวรอดให้กับผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร อีกทั้งยังต้องร่วมกันหาทางป้องกันและป้องปรามมิให้เกิดเหตุร้ายแรงเช่นนี้อีกในอนาคต ไม่ว่าจะในสังคมไทยหรือในสังคมใดๆ ก็ตามบนโลกใบนี้
สิ่งสำคัญประการแรกที่ต้องกระทำเพื่อป้องกันความสูญเสียจากเรื่องเช่นนี้โดยด่วนคือ การฝึกสอนและอบรมให้ผู้ที่ตกอยู่ในสภาวะอันตรายร้ายแรงเช่นนี้สามารถพาตัวเองให้รอดจากวิกฤตการณ์ให้ได้ก่อน และต้องทำได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งมีหลักอยู่ที่ การหลบหนีให้พ้นจากสถานการณ์วิกฤต แต่หากหลบหนีไม่ได้ ก็ต้องหลบซ่อนตัวให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด และหากจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤต ก็ต้องต่อสู้ด้วยสติและใช้กำลังที่มีเพื่อให้สามารถเอาชนะผู้ก่อเหตุให้ได้
เมื่อพูดถึงหลักการทั้งสามข้อที่กล่าวในข้างต้นอาจจะมีคำถามว่าแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง ประเด็นแรกคือการหลบหนีให้พ้นไปจากสถานการณ์ คือหนีจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด โดยต้องจำทางเข้า-ออกสถานที่ให้แม่นยำมากที่สุด เพื่อให้สามารถออกจากพื้นที่อันตรายได้โดยเร็วและปลอดภัย
ต้องตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตกใจจนคุมสติไม่ได้ ต้องคิดขั้นตอนการหลบหนีให้ดี ไม่ควรจะหนีเข้าไปอยู่ในที่คับแคบหรือทางตัน
ต้องทิ้งสัมภาระที่ไม่จำเป็นทั้งหมดไป เพื่อให้คล่องตัวในการหลบหนี และหากสามารถช่วยเหลือเพื่อนที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันด้วยกันได้ ก็ต้องช่วยเหลือให้ออกไปด้วยกัน แล้วเมื่อออกไปจากจุดที่เป็นอันตรายได้แล้ว ก็ต้องรีบแจ้งเรื่องให้กับบุคคลอื่น หรือเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองที่มีหน้าที่ดูแลสถานการณ์ให้เข้าไปจัดการควบคุมสถานการณ์โดยเร็ว
แต่ถ้าหากไม่สามารถหลบหนีได้ ก็ต้องหลบซ่อนตัวให้ดีที่สุด โดยต้องอยู่ในจุดกำบังที่แน่นหนา มั่นคง และต้องอยู่ในสถานที่ที่มืด หากอยู่ในห้องที่มีแสงไฟ ต้องปิดไฟฟ้าโดยทันที หรือหากสามารถตัดกระแสไฟฟ้าในบริเวณที่เกิดเหตุได้ ก็ต้องตัดโดยทันที ข้อสำคัญอีกประการคือ ต้องไม่ทำให้เกิดเสียงดังจนทำให้คนร้ายรู้ว่าซุกซ่อนอยู่ในบริเวณใด จึงต้องปิดสัญญาณเสียงของเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ย้ำว่าปิดสัญญาณเสียงและแสงด้วย แต่ไม่ใช่ปิดเครื่องมือสื่อสาร เพราะยังจำเป็นต้องใช้เพื่อส่งข่าวขอความช่วยเหลือไปยังภายนอก เช่น ส่งด้วยข้อความ หรือส่งตำแหน่งที่หลบซ่อนไปให้ผู้ที่เราขอความช่วยเหลือได้รับทราบ
ต้องปิดม่านให้มิดชิด และไม่อยู่ใกล้หน้าต่างกระจก พร้อมทั้งต้องปิดประตูหน้าต่างลงกลอนให้แน่นหน้า และต้องหาวัตถุสิ่งของที่มีน้ำหนักไปวางขวางประตูหรือหน้าต่างไว้ แต่ในระหว่างการขนย้ายวัตถุก็ต้องระมัดระวังมิให้เกิดเสียงดังจนทำให้ผู้ร้ายรู้ว่ามีการหลบซ่อนอยู่ภายในห้อง แล้วเลือกที่หลบซ่อนโดยอยู่หลังวัตถุที่มีความแข็งแรงแน่นหนา ในกรณีที่หลบซ่อนอยู่หลายคน ให้กระจายตัวหาที่หลบซ่อน อย่าอยู่รวมกันในจุดใดจุดหนึ่ง แล้วพยายามส่งข้อความผ่านระบบโทรศัพท์มือถือโดยต้องไม่ก่อให้เกิดเสียงใดๆ เวลาส่งข้อความ
แต่ในกรณีที่หนีไม่ได้ และหาที่หลบซ่อนไม่ได้ ก็จำเป็นต้องต่อสู้ด้วยสติปัญญา เพราะเป็นหนทางเดียวที่น่าจะทำให้รอดชีวิตได้ มีคำแนะนำว่าไม่ต้องพูดอ้อนวอน ร้องขอความเห็นใจจากผู้ร้าย เพราะมักไม่ได้ผลดี เนื่องจากอาจจะไปมีส่วนกระตุ้นหรือเร้าให้คนร้ายยิ่งใช้ความรุนแรงได้เร็วขึ้น
ประเด็นสำคัญอีกเรื่องก็คือต้องฝึกเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้ด้วย เพราะเมื่อประสบเหตุแล้วจะได้สามารถช่วยเหลือปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บได้ทัน
ซึ่งสามารถช่วยชีวิตของผู้ประสบเหตุได้ เช่นต้องเรียนรู้วิธีการห้ามเลือด โดยต้องดูว่าจุดของบาดแผลอยู่ที่ใด แล้วใช้มือกดบาดแผลไว้ ซึ่งจะช่วยห้ามการไหลออกของเลือดได้ แต่ในกรณีที่ผู้บาดเจ็บมีแผลขนาดใหญ่มาก ก็ให้ใช้ผ้าสะอาดอัดหรือกดลงไปบนแผลนั้น แล้วใช้มือกดลงบนผ้าอีกที จะช่วยลดการไหลออกของเลือดได้
สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ผู้ประสบเหตุวิกฤตเอาตัวรอดได้ก็คือต้องมีสติตลอดเวลา ต้องตั้งสติให้มั่นให้ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แล้วคิดหาทางหนีทีไล่ให้ชัดเจน การตื่นตระหนกจนควบคุมสติไม่ได้ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ดังนั้น จึงขอย้ำว่าต้องมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา เพราะสติจะช่วยให้เราสามารถรอดพ้นจากเหตุร้ายแรงได้
อันที่จริง เรื่องที่เขียนในวันนี้อาจจะถูกตั้งคำถามว่าสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้จริงหรือ ก็ต้องตอบว่าโดยหลักการแล้วสามารถช่วยได้ และขอย้ำว่าในสภาวการณ์ที่เราทุกคนต้องดูแลตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยเช่นทุกวันนี้ เราไม่สามารถชะล่าใจหรือนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป เราต้องคิดเผื่อไว้ว่าหากในวันหนึ่งวันใดที่เราหรือลูกหลาน ญาติพี่น้องของเราจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเช่นที่กล่าวมานี้ เราทุกคนจะสามารถแก้ไขสถานการณ์เพื่อเอาตัวรอดให้ได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยการฝึกฝนเพื่อให้ตนเองรอดพ้นจากภัย โดยต้องตั้งสติให้ดีตลอดเวลา
เราต้องตระหนักไว้เสมอว่า ในบ้านเมืองของเรานั้นยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่มีปืนและอาวุธต่างๆ อยู่ในมือและเราก็ไม่สามารถไว้วางใจได้ว่าคนที่มีอาวุธในครอบครองนั้นจะก่อเหตุร้ายแรงขึ้นมาในวันเวลาใด แล้วเราจะตกอยู่ในสถานการณ์คับขันหรือไม่ ดังนั้นขอย้ำอีกทีว่าต้องมีสติตลอดเวลา และฝึกเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ไว้เป็นประจำ เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของชีวิตของเรา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี