ข่าวใหญ่ที่สั่นสะเทือนกระแสสังคมไปทั่วทั้งโลกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม นี้ คือเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรา ที่ได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ อำเภอนากลาง ในจังหวัดหนองบัวลำภู และทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 38 ศพ ส่วนใหญ่ของผู้เสียชีวิตเกือบ 30 รายนั้นเป็นเยาวชนอายุน้อยกว่า 4 ขวบ และเสียชีวิตในสภาพที่น่าสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งถูกยิงด้วยอาวุธปืนและถูกฟันด้วยมีดพร้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเกินกว่าความทารุณโหดร้ายที่ได้เคยเห็นกัน
การสูญเสียครั้งนี้ก่อให้เกิดความเศร้าสลดและเสียใจอย่างมากมายมหาศาลไม่ใช่เฉพาะต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงประชาชนทั่วไป ด้วย เชื่อว่าทุกคนที่ได้รับทราบข่าวนี้ได้เกิดความตระหนกตกใจ ว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเหตุใด ในดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งถือกันว่าการทำลายชีวิตของผู้ใดก็ตาม นับว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง และเป็นข้อห้ามที่มีควรปฏิบัติ ตามที่ได้ถูกบัญญัติไว้ตามข้อที่ 1 ของศีล 5 ของพระพุทธองค์
ในแต่ละปีที่ผ่านมา ข่าวการเกิดเหตุฆาตกรรมหมู่ที่เกิดขึ้นนั้น มักจะเกิดในต่างประเทศที่อยู่ในแถบตะวันตกของโลกนี้ ทั้งแถบทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่เคยมีการสูญเสียมากมายดังเช่นที่เกิดในประเทศไทยในครั้งนี้ และทุกครั้งของการเกิดเหตุการณ์ ในท้ายที่สุดแล้วก็มักจะลงเอยโดยผู้ก่อเหตุการณ์ ก็ถูกปลิดชีพโดยฝีมือของเจ้าหน้าที่หรือไม่ก็ทำอัตวินิบาตกรรม คือการฆ่าตัวตาย เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ อันอาจจะถือได้ว่าเป็นการชดใช้กรรมที่ได้ก่อขึ้นก็ตาม แต่ก็คงไม่มีใครอยากจะเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะในสถานที่ใดๆ ในโลกก็ตาม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจยศสิบตำรวจเอก ที่เพิ่งถูกให้ออกจากราชการ ด้วยข้อกล่าวหาว่ามีการกระทำผิดในเรื่องของการติดยาเสพติด และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล โดยในตอนเช้าของวันเกิดเหตุนั้น ก็ได้ไปยังศาลตามกระบวนการของการพิจารณาความอยู่ และเมื่อออกจากศาลไม่นานนักก็ได้ตัดสินใจกระทำเหตุร้ายในสิ่งที่ไม่น่าจะเชื่อว่าเกิดขึ้นภายใต้จิตใจของความเป็นมนุษย์ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียอย่ามหาศาล และโหดร้ายทารุณอย่างที่สุด ดังที่ปรากฏจากภาพข่าวซึ่งได้มีการนำเสนอในช่วงแรก แต่ก็ถูกสั่งให้ระงับไปหลังจากนั้นไม่นาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งแล้วที่จะไม่นำเสนอภาพข่าวเหล่านั้นไปสู่สาธารณะ
จากการสืบสวนสอบสวนของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งการสืบข่าวของนักข่าวหลายสำนัก ที่ต่างก็พยายามจะหามูลเหตุของการเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็ยังไม่อาจจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า เหตุใดฆาตกรรายนี้จึงได้กระทำการลงไป ซึ่งคงจะไม่มีคำตอบที่ชัดเจน 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากตัวฆาตกรก็ได้เสียชีวิตตายตกตามไปกับผู้ที่เคราะห์ร้ายทั้งหมดแล้ว จึงได้แต่เพียงการวิเคราะห์และคาดการณ์ว่าเกิดจากสิ่งใดกันแน่
จากข่าวต่างๆ ที่ออกมานั้น พอจะเห็นได้ว่าฆาตกรรายนี้เริ่มเข้ารับราชการตำรวจ และได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสถานีตำรวจที่อยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ มาก่อนถึง 2 สถานี ก่อนที่จะถูกย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งไม่น่าจะเป็นเส้นทางดำเนินชีวิตทางราชการที่ปกตินัก และดูเหมือนว่าการปฏิบัติงานในฐานะผู้บังคับหมู่ในพื้นที่แห่งใหม่ ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความพึงพอใจให้กับผู้บังคับบัญชา ผู้ร่วมงานและประชาชนในพื้นที่อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งนี้เกิดจากพฤติกรรมและลักษณะนิสัยส่วนตัวบางประการ ที่ทำให้บางฝ่ายเชื่อว่าน่าจะเกิดมาจากการที่ติดยาเสพติดด้วย จนในที่สุดก็ถูกร้องเรียนและถูกตรวจจับโดยผู้บังคับบัญชา ที่เข้าตรวจค้นบ้านพักและพบยาเสพติดจริง จนเป็นเหตุให้ถูกสอบสวนและให้ออกจากราชการ จนไปสู่การพิจารณาดำเนินคดีโดยศาลในที่สุด
ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้นว่าคงไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก จึงน่าที่จะต้องนำสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วมาวิเคราะห์หาสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ ที่ทำให้ฆาตกรผู้นี้ตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งในคดีนี้น่าจะมาจากเหตุ 2 ประการ คือสภาพจิตใจและสารเสพติด ซึ่งทั้งสองกรณีเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกันได้
ในเรื่องของยาเสพติดนั้น จากข้อมูลที่ได้จากสื่อบางสำนักระบุว่า ฆาตกรรายนี้มีเรื่องพัวพันกับยาเสพติดมาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งขณะนั้นยังรับราชการตำรวจอยู่ แล้วถ้าเป็นจริงตามนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจว่าผู้บังคับบัญชาได้เอาใจใส่ดูแลตลอดจนดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียบของราชการและกฎหมายของบ้านเมืองหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างไร จะด้วยความสนิทชิดเชื้อหรือเห็นแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา จนในที่สุดนำมาซึ่งความเสียหายใหญ่หลวง ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
มีการกล่าวกันอยู่เสมอๆ ว่าการปราบปรามยาเสพติดในประเทศของเรานั้นยากที่จะประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีการหรือมาตรการที่รุนแรงหรือผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้จะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรง และแถลงข่าวแสดงผลงานของการจับกุมยาเสพติดออกมาเป็นระยะๆ ตราบใดที่กระบวนการค้ายาเสพติดยังมีผู้ที่มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ในลักษณะของการมีผลประโยชน์แอบแฝงและทับซ้อนจำนวนมหาศาล และถึงแม้ผู้นำจับจะได้ผลประโยชน์เป็นเงินตอบแทนอย่างถูกต้องตามระเบียบจำนวนหนึ่ง แต่หากเทียบกับผลประโยชน์ของกลุ่มที่มีอิทธิพลได้รับนั้น มันมีจำนวนต่างกันมากมายเหลือเกิน
ก็ได้แต่เพียงหวังว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่จะเหลือระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่อยู่ไม่ถึง 1 ปีนั้น จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพิ่มขึ้น และแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ว่าจะมุ่งมั่นต่อการทำลายกระบวนการค้ายาเสพติดภายในประเทศลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการตัดกิ่งต้นไม้ ไม่อาจจะทำลายต้นไม้นั้นได้ ต้องใช้วิธีการในการขุดรากถอนโคนเท่านั้น จึงจะทำให้ต้นไม้ต้นนั้นตายลง ซึ่งความจริงแล้วในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็มีตัวอย่างของการลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต ของผู้ที่พัวพันเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดและเป็นการลงโทษจริง ไม่อ้างเหตุแห่งศาสนาหรืออื่นๆ จนทำให้เกิดลักษณะของการบรรเทาโทษ จนในที่สุดผู้ต้องหา หรือผู้กระทำผิดทั้งหลายที่ถูกศาลตัดสินว่าเป็นนักโทษแล้วนั้น ก็ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในที่คุมขังเป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น และเมื่อพ้นโทษออกมาก็กลับไปสู่กระบวนการเดิมๆ อีก รวมทั้งการก่อเหตุร้ายตามที่ได้เห็นกันอยู่
ในส่วนของสภาพจิตใจนั้น ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การขาดความอบอุ่นในครอบครัว การติดสารเสพติด ตลอดจนพันธุกรรม อาจทำให้ผู้ใดผู้หนึ่งเกิดอาการเจ็บป่วยทางจิตได้ และขณะนี้เกือบจะในทุกประเทศทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย จำนวนผู้ป่วยจิตเวชได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญพอสมควร และสะท้อนกลับมาเป็นปัญหาทางสังคมได้อย่างมากมาย อันเป็นเรื่องที่ยากมากต่อการแก้ไข ถึงแม้ว่าประเทศไทยในขณะนี้จะมีจิตแพทย์อยู่มากพอสมควรแล้วก็ตาม เพราะผู้ที่อาจจะเป็นผู้ป่วยจิตเวชนั้น ยังไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการดูแลรักษาได้จริง ซึ่งเกิดจาก 2 กรณี กรณีแรกคือการเข้ารับการรักษาแต่ไม่ต่อเนื่อง ขาดยา จึงมีอาการกลับมาอีกหรือลุกลามมากขึ้นกรณีที่ 2 คือการไม่ยอมรับว่าตัวเองอาจจะมีปัญหาทางจิตและปฏิเสธการเข้าสู่กระบวนการรักษา ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ใกล้ชิดโดยเฉพาะครอบครัวต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้และนำเขาเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการรักษาให้ได้และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนเขาเหล่านั้นสามารถจะดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงความเป็นปกติที่สุด
สำหรับฆาตกรรายนี้นั้น น่าจะมีปัญหามาจากทั้ง 2 กรณี รวมทั้งพฤติกรรม ที่เกิดขึ้นในระหว่างรับราชการนั้น ขาดการสังเกตติดตามเอาใจใส่จากผู้บังคับบัญชา ตลอดจนถึงอาจจะมีการละเลย ต่อการปฏิบัติตามระเบียบราชการด้วย อันนำมาสู่ต้นเหตุของความเสียหายครั้งใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นำมาซึ่งความสูญเสียชีวิตของเด็กที่ไร้เดียงสาครูผู้ดูแล และประชาชนบางส่วน ก่อให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจและน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างที่สุด
ในตอนค่ำของวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมานี้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จฯไปทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้สูญเสีย ที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู รวมทั้งทรงรับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทั้งหมดไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ทรงมีรับสั่งว่า “รู้สึกเสียใจเศร้าสลดใจมากที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ช่วงเวลาแห่งความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจก็ไม่ทราบจะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจ ก็เป็นความรู้สึกร่วม เป็นเหตุที่ไม่ดีเกิดขึ้น ถ้าเกิดมีอะไรเดือดร้อนลำบากให้ช่วยเหลือให้ดูแล ขอแสดงความเสียใจและคงไม่มีคำไหนมาแทนความเสียใจได้ก็ขอให้กำลังใจพวกเราเข้มแข็ง เพื่อให้วิญญาณน้องๆเขาสบายใจ เราก็จะทำพิธีการทำบุญสวดมนต์ เพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้กับผู้ที่จากไป แล้วก็เป็นขวัญกำลังใจให้ทุกคน เราก็เสียใจด้วยมากเราจะต้องทำยังไงตอนนี้เราต้องทำอะไรให้ดีที่สุดเป็นกำลังใจให้ทุกคน” ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรผู้สูญเสียอย่างสุดจะหาคำใดมาเปรียบเทียบได้ สมกับที่ประชาชนทั้งหลายได้ทราบเป็นอย่างดีว่า “พระเจ้าแผ่นดิน ไม่ทอดทิ้งประชาชนของพระองค์”
เทพอัปสรพร้อมรับร่างน้อยน้อย
เพิ่งล่องลอยสู่ฟ้านภาสวรรค์
มาจุติในภพใหม่ไว้เร็วพลัน
จวบนิรันดร์อันเป็นสุขสุคติเทอญ
นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี