จากกรณีที่โตโน-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ นักร้องและนักแสดงชื่อดัง จัดกิจกรรมที่ชื่อว่า ONE MAN AND THE RIVER หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ ว่ายน้ำตามลำน้ำโขง ข้ามไปยังฝั่งประเทศลาว เพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม ประเทศไทย และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ท่ามกลางข่าวดราม่าที่มากระทบรบกวนมากมาย
โตโน่กล่าวว่า ตนขอน้อมรับทุกความคิดเห็น รวมถึงความเห็นต่าง หากตนถูกดราม่าแล้วเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้กับแพทย์ พยาบาลของโรงพยาบาลต่างๆ ได้ ตนยินดีเพราะแพทย์ พยาบาล ต้องทำงานทุกวันในการดูแลรักษาคนไข้ ตนเหนื่อยแค่วันเดียว แต่ภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือสังคม อยากให้ทุกคนรักและสามัคคีกัน หันมาช่วยเหลือสังคม ทำความดีเพื่อสังคม อยากถามว่าไม่ดีหรืออย่างไรที่คนเรามาร่วมทำความดี มารักสามัคคีกัน ทำเพื่อประโยชน์ ต้องขอกราบขอบพระคุณมีหลายหน่วยงานให้การสนับสนุน
รวมถึงกรณีที่มีการทดสอบร่างกายในอุโมงค์น้ำของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง จนกลายเป็นกระแสดราม่าว่าใช้ฟรี ทั้งที่ตนและทีมงานไม่เคยคิดจะใช้ของใครฟรี และไม่ใช้งบประมาณรัฐในการจัดกิจกรรม แต่ในเมื่อมีหน่วยงานต้องการสนับสนุนอนุเคราะห์ให้ใช้ทดสอบร่างกาย เพื่อความพร้อมในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมไม่ใช่เรื่องแปลก ทั้งนี้ตนไม่นำมาเป็นอุปสรรคปัญหา เพราะถามคืนว่า หากกลัวดราม่า คงไม่ต้องทำอะไร การทำความดีไม่ต้องกลัวดราม่า เพราะคงมีทุกวันอยู่แล้ว สำคัญที่สุดต้องทำให้ถึงเป้าหมาย ต้องช่วยเหลือโรงพยาบาลนครพนม รวมถึง โรงพยาบาลแขวงคำม่วน ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนขอแค่ได้ทำเพื่อประโยชน์แก่สังคม
โตโน่ยังกล่าวอีกว่า ฝากทำความเข้าใจว่ากิจกรรมที่ตนจัดขึ้น ต้องการทำเพื่อแพทย์ พยาบาล ที่ทำงานเหน็ดเหนื่อย อย่าเอาการเมือง หรือแบ่งพรรค แบ่งสี
มาเกี่ยวข้อง ใครจะเชียร์ใครผมไม่สนใจ เพราะโรงพยาบาล ไม่เคยเลือกว่าจะต้องรักษาใคร มีหน้าที่รักษาทุกคนทุกพรรค ทุกฝ่ายทุกสี อยากให้เห็นใจบุคลากรทางการแพทย์มากกว่าการเอาสีเอาฝ่ายมาเป็นปัญหา อยากให้รักสามัคคีกัน เรามาช่วยกันคนละไม้คนละมือดีกว่า ไม่ว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ขอเพียงผมได้ทำ นั่นคือความตั้งใจของผม ขอทำให้ดีที่สุด
ต่อคำถามที่ว่า “ทำไมถึงไม่เอาเงินของตัวเองบริจาคเลย โตโน่ตอบว่า
“โครงการนี้ที่ผมว่ายผมออก 1 ล้าน แล้วมีสปอนเซอร์มาช่วยผมอีก 1 ล้าน เป็น 2 ล้าน ผมแค่อยากจะเอา 2 ล้าน ไปลุ้น 10 ล้าน ถ้าผมเอาเงิน 1 ล้านของผมไปบริจาคเลย ผมได้แค่เครื่องเดียว ว่ายน้ำอย่างน้อยเป็นข่าวได้โดนด่า ก็ยังมีโอกาสได้มาบอกไงว่าทำไมถึงว่าย
...ผมไม่รู้หรอกว่า มันจะสร้างแรงกระเพื่อมได้มากขนาดไหน ในอนาคตมันจะเปลี่ยนให้มันดีขึ้นมาได้ไหม แต่อย่างน้อยการว่ายครั้งนี้ของผม มันเพียงแค่ช่วยต่อลมหายใจให้กับเด็กๆ เพิ่มกำลังใจให้คุณหมอ คุณพยาบาลต่อหน้าต่อตาที่ผมเห็นทั้งฝั่งท่าแขกและนครพนมมันคุ้มแล้วในการลงมือทำ”
ว่ายน้ำ-โรงพยาบาล-สิ่งแวดล้อม?
“ทะเลกับโรงพยาบาลไม่ต่างกันเลย ทะเลรองรับขยะทุกชนิดบนโลกใบนี้ โรงพยาบาลรองรับคนป่วย ถ้าเมื่อไหร่ที่ทะเล และโรงพยาบาลรับไม่ไหว ใครพัง พวกเราทุกคนพังผมแค่ใช้การว่ายน้ำนี้เป็นสื่อในการที่จะมาบอกทุกคน เพราะวิธีการบอกเฉยๆ ของผม ผมทำมาตลอดอยู่แล้วเพื่อช่วยคุณหมอ พยาบาลให้ทำงานกันได้อย่างเต็มที่ขึ้นในการรักษาผู้ป่วย แต่จริงๆ แล้วมันก็เพื่อทุกคนแหละเราไม่รู้ว่าวันไหนเราจะป่วย เราไม่รู้ว่าวันไหนญาติพี่น้องเราจะป่วย แล้วในเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย ถ้าเราตื่นตัวกันช่วยกันลดขยะพลาสติกลง ช่วยกันทิ้งให้เป็นที่ดูแลกันตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จริงๆ แล้วทุกคนได้หมดเลย ไม่มีใครเสียเลยกับโครงการนี้” โตโน่กล่าว
1) วันที่ว่ายน้ำ 22 ตุลาคม 2565 ทวิตเตอร์ @tanawatofficial ของ บอล ธนวัฒน์ วงค์ไชย อดีตแกนนำจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2563 เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความระบุว่า “One man หนึ่งคนว่าย ว่าซั่น คนตามดูแลความปลอดภัยเป็นตับ ไม่เป็นภาระจริงดิ #โตโน่ภาคิน #หนึ่งคนว่ายหลายคนให้”
2) เฟซบุ๊ค “ตุ๊ดส์review” ของนายธนบัตร ชายด่าน หรืออาจารย์บอย นักเขียนอิสระ และอาจารย์พิเศษ ด้านสื่อสารการตลาด โพสต์ข้อความระบุว่า“มี comment หนึ่งในเพจที่พูดถึงโตโน่ อ่านแล้วหน้าชาอย่างมาก ข้อความว่า
“อยากช่วยหมอช่วยพยาบาลจริงๆ แนะนำให้ไปเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้นเข้าเวรจาก 240 บาท ให้เหมาะกับภาระงานแล้วก็ค่า OT 600 บาท ให้มันเหมาะสม
กับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะดูมีประโยชน์กว่านะคะ ค่าเครื่องมือทางการแพทย์ที่รับบริจาคมาให้ มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณค่ะออกมาดูความเป็นจริงบ้างนะคะ เห็นบอกว่าจะทำเพื่อหมอเพื่อพยาบาล นี่แหละหนทางที่พยาบาลอย่างเราคิดว่าจะเหมาะสมนะคะ ทำงานมากกว่า 10 ปีแล้ว ค่าพวกนี้ไม่ขึ้นเลย แต่ค่าอย่างอื่นขึ้นเอาขึ้นเอา ตื่นนะคะตื่น มันไม่ได้ทำให้คุณดูดีขึ้นหรอกค่ะ มันดูไร้สาระมากกว่ามาสัมผัสกับคนหน้างานแล้วคุณจะรู้ค่ะ ว่าควรทำยังไง”
comment หนึ่งที่ดีมาก ในประเด็นการว่ายน้ำข้ามโขงของ #โตโน่ มาจากคุณพยาบาลท่านหนึ่งที่วอนให้โตโน่ใช้กระบอกเสียงของตัวเองเรียกร้องคุณภาพชีวิตให้คนทำงาน ที่น่าจะมีประโยชน์การไปขอรับบริจาคคนทั่วประเทศ แต่คุณภาพชีวิตคนทำงานตกต่ำมาเป็น 10 ปี
ความเป็นจริง การเป็นคนดัง ทำอะไรได้มากกว่านี้ให้ประโยชน์กับสังคมได้มากกว่านี้ แต่สิ่งที่คุณเลือกทำไม่ได้สร้างคุณค่าอะไรที่ยั่งยืนให้สังคมและประเทศชาติเลย จึงมีกระแสจากคนที่ไม่เห็นด้วย และคัดค้านกิจกรรมของคุณมากมาย มาหลายวันติดต่อกันทางสังคมออนไลน์
โตโน่ ไม่ฟังเสียงสังคม ยังคงเชื่อว่าตนทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป
วิธีที่ฉลาดที่สุดในการช่วยเหลือใครสักคน คือ การเข้าไปคลุกคลีกับคนหน้างานจริงๆ แล้วถามว่าเขาต้องการอะไร แล้ว support ในสิ่งที่เขาขาด ตามกำลัง ในบทบาทหน้าที่ของคุณ ไม่ใช่คิดเอาเองว่าเขาต้องการ ในสิ่งที่คุณยัดเยียดให้กับเขา และเป็นสิ่งที่ “รัฐ” ต้องทำงานมันไม่ใช่หน้าที่ของคุณนะ
เป็นคนดัง ก็ใช้กระบอกเสียงไปให้ดีที่สุด มาเป็น...ทำไม?”
นอกจากนี้ ยังโพสต์ข้อความระบุว่า “ไม่ใช่งานแก้บนแน่นะวิ? เธอไปขออะไรท่านพญานาคไว้รึเปล่า? #โตโน่ภาคิน” และอีกข้อความหนึ่งระบุว่า “PR :
ข้ามโขง ความจริง : เลาะตลิ่ง PR : one man ความจริง :many นะอิด...ก”
3) เรามาวิเคราะห์ “อย่างมีสติ” แทน “อคติ” กันสักหน่อยไหมครับ
3.1 สิ่งที่โตโน่กับคณะทำนั้น เป็น “สิ่งดีและมีคุณ” เป็นประโยชน์ในหลายมิติ เช่น ทำให้ได้ฉุกคิด (หากมีความคิดและใช้มัน) ว่า เราทุกคนล้วนมีสิ่งที่ทำได้และยังไม่ได้ทำ โดยเฉพาะการทำเพื่อส่วนรวม, ความดีจะดึงดูดความดีเข้ามาหา เพื่อเกื้อหนุนให้เจตนาที่ดีและการลงมือทำสำเร็จลุล่วงได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น พร้อมๆ กับจะมีภูตผีปีศาจ ปรสิต เห็บเหา หนอน พยาธิ และขี้เปียกเข้ามาเกาะ แบ่งแสงไปส่องตัวเอง กระนั้นก็ตาม เพชรไม่ขึ้นสนิมครับ แม้ตกลงไปในอาจม คนก็แยกแยะได้ว่าอะไรคือเพชร อะไรคือสิ่งโสโครก
3.2 ความเห็นแย้ง เคลือบแคลงสงสัย เกิดขึ้นได้ตั้งคำถามได้ แต่ต้องทำด้วยความเคารพกัน และมุ่งหมายจะหาคำตอบ เช่น หนึ่งคนว่าย แต่ทำไมต้องมีผู้คนและหน่วยงานมากมาย เข้ามาดูแล จัดการ คำตอบดีๆก็เช่น หนึ่งคนว่าย มันเป็นแค่ชื่อ แค่ “จุดเริ่มต้น” แต่เมื่อคนเขาเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ดี และไม่ควรให้คนคนนั้นกระทำอยู่คนเดียว ควรเข้าไปร่วม ก็เกิดการ“เข้าร่วม” ถัดมา สังคมไทยเป็นสังคมที่ “มีมารยาท” และมี “น้ำใจ” คนนครพนมก็อยากจะร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมดูแล เพราะสิ่งที่โตโน่ทำ ได้ส่งเสริมชื่อเสียงของท้องที่กระตุ้นความสนใจ และเศรษฐกิจด้วย ไม่ใช่เข้าไปสนับสนุนโตโน่แล้วสูญเปล่า หากจะมองในแง่ “ตัวเงิน” และการลงทุน เงินตั้งต้น 1 ล้านบาทของโตโน่ กับงบประมาณบางส่วนที่ท้องถิ่นใช้ในการร่วมจัดกิจกรรมแวดล้อม รวมกันแล้ว เมื่อเทียบกับ “ยอดเงินบริจาค”ที่งอกออกมา นับว่าเป็น “การลงทุนที่คุ้มค่า”
3.3 ทำไมไม่ให้รัฐบาลทำ รัฐบาลก็ทำครับ ทำตามกำลังงบประมาณที่มี แต่มัน “ยังไม่พอ” หรืออาจจะจัดสรรงบประมาณยังไม่ดีพอ แต่ระหว่างที่มันยังไม่พอหรือไม่ดีพอนั้น คนจำนวนหนึ่งรอได้ คนจำนวนหนึ่งเพิกเฉยดูดาย แต่มีคนคนหนึ่ง กลุ่มหนึ่ง คิดว่า มีอะไรที่เรา“ช่วยเติมในส่วนที่ขาด” ได้บ้าง เขาก็ทำครับ ใครจะเรียกร้องกับรัฐบาลก็เรียกร้องไป ไม่ผิด ควรทำ แต่อย่าเอาเหตุนี้มาบอกกับคนที่อยากทำใน “ส่วนที่ตัวเองทำได้” ให้ไปทำอีกอย่าง เพียงเพื่อให้สะดวกกับคุณ สนองจริตคุณ ก็ในเมื่อเขา “สะดวกแบบนี้” ส่วนคุณไม่สะดวกด้วย ก็ไปทำในส่วนของคุณสิ ไม่ใช่ “เอาตีนมาราน้ำ” ไม่ทำ แต่ติคนที่มีมารยาทและมีจิตสำนึก แม้ไม่เห็นพ้องกับวิธีการของโตโน่ ก็สามารถที่จะ “ฉลาดพอ” ร่วมรณรงค์ เรียกร้องเติมเต็ม เรื่องการดุแลพยาบาล หมอ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ดีขึ้นได้ ด้วยการสะท้อนปัญหา ขอเท็จจริง ข้อเรียกร้องไม่ใช่โยนทั้งหมดให้โตโน่ทำ แล้วนั่ง ปากดี” อยู่กับคีย์บอร์ด เป็นนักเลงโซเชียล และเป็นขยะของโลก
3.4 คุณกล่าวหาว่า “โตโน่ไม่ฟังสังคม” แล้วคุณล่ะได้ฟังเขาไหม ฟังเจตนา ฟังความต้องการ ฟังความตั้งใจฟังความถนัดและการตัดสินใจเลือกวิธีนี้ของเขาไหม มีอะไรที่เขายังไม่ได้ทำ คุณก็มาช่วยกันทำสิ ไม่ใช่ทำตัวเป็นภาระต่อคนที่กำลังลงมือทำ เอาแต่จะกำหนดให้คนอื่นฟัง ตัวเองเคยฟังใครไหม หรือฟังเฉพาะที่ถูกใจสอดรับกับจริตและสันดานของตัวเองเท่านั้นพอ
3.5 พวกที่ค่อนแคะเรื่อง “ว่ายข้ามโขง” หรือ “ว่ายเลาะตลิ่ง” ก็เช่นกัน ตัวคุณได้ทำอะไรบ้าง โตโน่ไม่ใช่นักกีฬาโอลิมปิก ไม่ทำอย่างโง่ๆ แบบ “เอาชีวิตเข้าแลก” เขาทำอย่างมีสติ วางแผน เพื่อบรรลุเป้าหมาย คือ ดึงคนมามีส่วนร่วมในการระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ หัวใจไม่ได้อยู่ที่ว่ายน้ำแบบไหน แต่อยู่ที่ว่ายเพื่ออะไร และในการว่าย เขาก็ชี้แจงกันมาเป็นระยะๆ ว่าว่ายอย่างไรการตามไม่ทันข่าวสาร หรือจะเรียกว่าความโง่ส่วนบุคคล ไม่ควรเป็นความผิดของโตโน่ครับ
4) นายวัลลภ ประสพผล ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวถึงโตโน่ว่า
“นับถือใจโตโน่ ทั้งว่ายน้ำข้ามโขง ว่ายน้ำข้ามใจตัวเอง แล้วยังต้องว่ายข้ามอคติที่แรงกว่าน้ำ ขอคุณพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์และแม่โขง คุ้มครองโตโน่และทุกคนให้ความตั้งใจดี และการลงมือทำครั้งนี้สำเร็จ ปลอดภัย ทำเพื่อพวกพ้องน่ะ ไม่ยาก ทำเพื่อทุกคน แม้บางคนเขาไม่รัก น่านับถือที่สุด ความดี ใครทำก็ดี ขอบคุณทุกคนที่ทำ อย่าให้การทำดีทำยากเลย”
ส่วนโตโน่ กล่าวเมื่อว่ายกลับจากฝั่งลาวถึงฝั่งไทยได้แล้วว่า
“วันนี้รู้สึกดีใจ มีความสุขและภาคภูมิใจมาก ที่ได้มาจัดกิจกรรมว่ายน้ำเพื่อการกุศล ช่วยเหลือโรงพยาบาลนครพนม กับ โรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว มันทำให้ผมได้รู้จักคำว่าเสียสละ รู้จักคำว่าการให้ รู้จักความรักสามัคคีระหว่างชาวไทย ชาวลาว ที่จะเป็นประโยชน์แก่สังคม เป็นการสานสัมพันธ์ไมตรีแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ผมจะจดจำวันนี้ไปตลอด และขอขอบพระคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนครับ”
ยินดีกับโตโน่ ยินดีกับโรงพยาบาล ยินดีกับสัมพันธภาพไทยลาว นครพนม-คำม่วน
ยอดตัวเลขขณะที่ปิดต้นฉบับคือ 56 ล้านบาท
ยังไม่พบเรื่องอะไรที่ไม่น่ายินดีในเรื่องนี้ แม้แต่ในหมู่ปรสิตและคลื่นรบกวน ก็นับว่าน่ายินดี ที่“ผู้แบ่งส่วนบุญเหล่านี้” ทำให้เรามองได้เห็นภาพความชั่ว-ความดี ได้สว่างและกระจ่างชัดเจน !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี