การประชุมผู้นำ เอเปกในประทศไทย ผ่านไปด้วยดี ได้รับการยกย่องว่าไทยเราเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมได้ระดับเวิลด์คลาส
1. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กห. แถลงข่าวในฐานะประธานผู้นำเขตเศรษฐกิจ เอเปก ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ
นายกฯ กล่าวว่า การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ เอเปก ครั้งที่ 29 จบลงแล้ว “ด้วยความสำเร็จอย่างงดงาม” ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันของสมาชิก เอเปกทั้งหมด
มีการ “รับรองปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจ เอเปก ค.ศ. 2022” และร่วมรับรองเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG (Bangkok goals on BCG) ได้สำเร็จ นอกจากนี้ ได้เปิดตัวเว็บไซต์ bangkokgoals.apec.org อีกด้วย
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG นั้น ดำเนินการภายใต้หัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” มีผลลัพธ์ ดังนี้
“เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์” : เอเปกได้เดินหน้าสานต่อการหารือเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย - แปซิฟิก FTAAP ผลงานที่เป็นรูปธรรม คือ จัดทำแผนงานต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิก และเตรียมความพร้อมในการรับมือกับประเด็นการค้าการลงทุนใหม่ๆ
“เชื่อมโยงกัน” : เอเปกได้ฟื้นฟูการเดินทางข้ามแดนระหว่างกันอย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อ เพื่อสร้างความพร้อมรับมือวิกฤตใหม่ในอนาคต
“สู่สมดุล” : ผู้นำ เอเปกทุกคนได้ร่วมกันรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” วางรากฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิกอย่างครอบคลุม ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบรัฐบาลขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ รวมทั้ง ปชช. คนไทยทุกคนที่ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้การต้อนรับผู้นำ ผู้ร่วมประชุม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนจากทั่วโลก
2. คาดว่า ประทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้างหลังจากนี้?
สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ได้นำเสนอบทวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ บางตนระบุว่า
“ประโยชน์ที่คาดว่าไทยในฐานะเจ้าภาพจะได้รับจากการประชุม เอเปก
บทบาทไทยในเวทีเศรษฐกิจโลก ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุม เอเปกครั้งนี้ จะได้แสดงศักยภาพให้นานาชาติได้เห็นถึง 1) ความพร้อมในการจัดงานระดับนานาชาติเพื่อต้อนรับผู้นำทั้งภาครัฐและเอกชนจากประเทศต่างๆ 2) ศักยภาพของประเทศไทยในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลก 3) การเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนานาชาติที่มีต่อประเทศไทยในการมีจุดยืนไม่เลือกข้าง สร้างหุ้นส่วน ซึ่งประเทศไทยเชื่อว่าจะนำไปสู่การสร้างสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาคที่จะช่วยส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
การค้าระหว่างไทยกับ เอเปก มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น การรวมกลุ่มของ เอเปกเน้นความร่วมมือในการเปิดเสรีการค้าและการลงทุน การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และการให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศรายงานว่าในปี 2564 การค้าระหว่างประเทศของไทยกับกลุ่ม เอเปก มีมูลค่า 3.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 71.5% ของการค้าไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไป เอเปก มูลค่า 1.95 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (72% ของการส่งออกรวม) และนำเข้าจาก เอเปก มูลค่า 1.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (71% ของการนำเข้ารวม) สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 2565) มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับกลุ่มเอเปก อยู่ที่ 3.14 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 68.7% ของการค้าไทยกับโลก
เอเปกสนับสนุนแนวทางภูมิภาคนิยมแบบเปิด (Open Regionalism) หมายถึงการให้สิทธิประโยชน์กับประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเอเปกด้วย จึงเป็นการเพิ่มโอกาสการขยายห่วงโซ่อุปทานของไทยทั้งในและนอกภูมิภาคมากขึ้น และเพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้ไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบและฐานการผลิตที่มีความหลากหลายได้มากขึ้น คาดว่าจะดีต่อ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปรรูป
พื้นที่อีอีซี มีแนวโน้มดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น และต่อยอดให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค (Regional Hub) 5 ด้าน ได้แก่ Tech Hub ศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม, BCG Hub ศูนย์กลางการลงทุนเศรษฐกิจ BCG, Talent Hub ศูนย์รวมผู้มีศักยภาพจากทั่วโลก เช่น ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทักษะสูง, Logistics Hub ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค และ Creative Hub ศูนย์กลางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ 2566 – 2570) ของสภาพัฒน์ และยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) ของบีโอไอ ได้แก่ ดิจิทัล BCG ไบโอเทค เมดิคัล สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์อัจฉริยะ รวมถึงกลุ่มสตาร์ทอัพ ทั้งนี้ เมื่อ BCG Economy Model ถูกประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติและเป็นแนวคิด(ธีม) หลักของการประชุม เอเปกครั้งนี้ ก็คาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากให้ความสำคัญกับ BCG มากขึ้นและดึงคนรุ่นใหม่มาร่วมขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ใหม่ของประเทศ อีอีซีจึงน่าจะตอบโจทย์การเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง การมี SMEs ที่เข้มแข็ง แข่งขันได้ และเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนคาร์บอนต่ำ
ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพได้ชูโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญภายใต้หัวข้อการสร้างสมดุลรอบด้าน (Balance.) ซึ่งประกอบด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model) สอดคล้องกับกระแสโลกที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์จากการประชุม เอเปกรอบนี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน อาทิ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ซึ่งขณะนี้มีเทรนด์ที่น่าจับตามอง คือ อาหารฟังก์ชั่น อาหารนวัตกรรมใหม่ อาหารทางการแพทย์ และอาหารอินทรีย์ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจไทย ทำให้ไทยเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนที่มีระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีรองรับไว้แล้ว
ก่อให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาการศึกษา การคลัง วิทยาศาสตร์ ตลอดจนประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมคณะทำงานด้านต่างๆของ เอเปก อาทิ โทรคมนาคม การขนส่ง การเกษตร การประมง การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและป่าไม้ การท่องเที่ยว การสาธารณสุข การพลังงาน และกิจการสตรี อันจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาความร่วมมือในสาขาต่างๆของ เอเปก ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการกำหนดนโยบายและการปรับตัวด้านต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อันจะช่วยเสริมขีดความสามารถการแข่งขันในอนาคต...”
3. ผลประโยชน์ชัดเจน จับต้องได้ และจะเกิดดอกออกผลทันทีหลังจากนี้ ก็คือข้อตกลงทวิภาคีระหว่างไทยกับชาติที่ร่วมเจรจาพูดคุยด้วย เช่น ซาอุดีอาระเบีย จีน ฯลฯ
เอาแค่ข้อตกลงความร่วมมือกับสองชาตินี้ ก็เกิดประโยชน์คุ้มค่ามหาศาลกับประเทศไทยแล้ว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี