เมื่อวานนี้ (30 พ.ย.2565) โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าว อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดสั่งฟ้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ,นายปิยบุตร แสงกนกกุลและน.ส.พรรณิการ์ วานิช
ข้อหาความผิดอาญาแผ่นดิน มาตรา 116
1. คดีนี้ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 1702/2563 ของ สน.พญาไท ซึ่งมีนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธะอิสระ เป็นผู้กล่าวหา
เดิม พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา ได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งทางคดีดังนี้สั่งไม่ฟ้อง แล้วจึงส่งสำนวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 145/ 1
ภายหลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีความเห็นแย้งว่ายังไม่อาจเห็นพ้องด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-3 ในความผิดตามข้อกล่าวหา
จากนั้น ตร.ส่งสำนวนมายังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาชี้ขาด ความเห็นแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 วรรคสอง
อัยการสูงสุด ได้พิจารณาคดีดังกล่าวแล้วได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ต้องหาที่ 1นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ต้องหาที่ 2 และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ต้องหาที่ 3
ฐานร่วมกันล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นใน
ราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเบิดกฎหมายแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 2, 6, 34, 49 และ 50 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 116 (2), (3)
2. นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า อัยการสูงสุดได้พิจารณาชี้ขาดความเห็นแย้ง โดยชี้ขาดให้ฟ้องคดี เพราะมองพฤติกรรมการกระทำต่างๆของผู้ถูกกล่าวหาแล้วเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116
คือ แสดงความเห็นด้วยวาจา หนังสือให้ปรากฏในหมู่ประชาชน ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในราชอาณาจักร แล้วทำให้มีการล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ทั้งจากคำปราศรัย และการแสดงความคิดเห็นทางสื่อออนไลน์ต่างๆ
แต่ไม่มีข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากไม่มีการเเจ้งข้อหามาเเต่เเรก
ขั้นตอนหลังจากนี้ จะแจ้งคำสั่งชี้ขาดของอัยการสูงสุดไปยังพนักงานสอบสวนสน.พญาไท เพื่อตามตัวและนัดหมายผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา และยื่นฟ้องต่อศาลอาญาต่อไป
3. หลังจากที่เคยมีคดีก่อนหน้านี้ อัยการสั่งไม่ฟ้องนายธนาธรกับพวก คดีโจมตีพลังดูด คสช.
มาคดีนี้ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งข้อกล่าวหา
โดยรวบรวมหลักฐานเบื้องต้น จากพฤติกรรมของบุคคลทั้งสาม ที่เคยโพสต์ข้อความผ่าน Facebook คลิปวีดีโอ ปราศรัย กล่าวบนเวทีเสวนา การแสดงความคิดเห็น
ในลักษณะชักชวนประชาชนร่วมม็อบสามนิ้วในช่วงที่มีการโจมตีสถาบันอย่างรุนแรง ฯลฯ (แม้ทั้งสามคนไม่ได้เป็นแกนนำม็อบสามนิ้วที่ขึ้นไปนำการเคลื่อนไหวบนเวที)
ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ได้นำสำนวนคดีดังกล่าว พร้อมผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน เดินทางไปพบพนักงานอัยการ เพื่อรายงานตัวและฟังคำสั่งฟ้อง
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้งสามให้การปฏิเสธ โดยนายปิยบุตรยืนยันว่า ที่พวกตนทั้ง 3 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหามาตรา 116 ดังกล่าว เชื่อว่าไม่เข้าองค์ประกอบความผิด
4. นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ ในฐานะผู้แจ้งความดำเนินคดี ได้เคยกล่าวไว้ในเพจเฟซบุ๊ก “หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)” เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2563
ว่าด้วยเรื่อง “หากคิดจะรบ แล้วเอาแต่หลบๆ แอบๆ เช่นนี้ก็เลิกเสียเถิด” ระบุว่า
“นอกจากนักรบแนวหน้า ที่กำลังอกสั่นขวัญแขวนเพราะเห็นแววถูกทิ้งแล้ว พวกช่างยุที่หลบอยู่ข้างหลังก็คงหวั่นไหว ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มพอสมควร
ทำไมไม่ถือโอกาสนี้ ถอยมาคิดทบทวนถึงสิ่งที่ตนพยายาม ยุให้รำตำให้รั่ว แก่คนในชาติเล่า
สิ่งที่ท่านๆ ทั้งหลายพยายามทำอยู่ และทำมานานหลายปีมันจะส่งผลดีอะไรให้ชาติและประชาชนบ้าง
และการที่คุณตระเวนไปโพนทะนาให้ร้ายประเทศที่คุณเกิดต่อต่างชาติ จักไม่เป็นการอกตัญญูเกินไปหน่อยหรือ
มันจะทำให้ประเทศนี้ ดีขึ้นอย่างไร
พวกคุณเชื่อจริงๆ หรือว่า สิ่งที่พวกคุณพยายามทำอยู่นี้ คุณมีโอกาสชนะ
คิดผิด ก็คิดใหม่ได้
หยุดเสียเถิดคุณ
เพราะสิ่งที่พวกคุณทำแล้วเห็นผลแน่ๆ ก็คือแกนนำและแนวร่วมของพวกคุณ กำลังจะติดคุก
ความทุกข์ยากเดือดร้อน กำลังจะถาโถมใส่พวกเขา ซึ่งเป็นผลมาจากการที่พวกคุณไปยุแหย่ปลุกปั่น ให้พวกเขาออกไปสู้ ไปเสี่ยงแทนคุณ
พวกคุณไม่สงสารอนาคตของแกนนำพวกนี้บ้างหรือ หากพวกเขาต้องติดคุกได้รับโทษ พ่อแม่ พี่น้อง ของพวกเขาจักทุกข์ใจขนาดไหน
หากพวกคุณคิดจักเปลี่ยนประเทศนี้จริงๆ
ลองเปลี่ยนวิธีคิดที่จะหาคนออกรบแทนคุณก่อนดีไหม
ไหนๆ เมื่อกล้าที่จะคิด กล้าที่จะพูด กล้าที่จะเปลี่ยน ก็ลองกล้าลงมือออกไปนำม็อบด้วยตนเองเลย อย่าไปหลอกใช้เยาวชนเลยมันทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อน
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว กล้าออกมานำพวกเขาหน่อย อย่าปล่อยให้พวกเขาสู้อย่างเดียวดาย
กล้าๆ กันหน่อย
เห็นเวลาลอยหน้าปั๊มข้อมูลใส่สมองเด็ก ทำไมกล้าจัง
แต่พอถึงเวลาต้องเสี่ยงจริงๆ กลับไม่กล้า
ใจเล็กอย่างนี้น่ะหรือจะมาเปลี่ยนประเทศ แล้วเมื่อไหร่จะชนะ
พุทธะอิสระ”
5. อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะเกิดม็อบสามนิ้ว โจมตีสถาบันรุนแรง ละเมิดกฎหมายบ้านเมืองอย่างกว้างขวาง จำนวนมาก เกิดความเสียหายต่อประเทศ
ชาติรุนแรง และมีแกนนำม็อบโดนคดี 112 116 ฯลฯ
แต่คดีของนายปิยบุตร ธนาธร พรรณิการ์ คดีนี้ถูกดำเนินคดีแยกจากคดีแกนนำม็อบที่โดนคดีก่อนหน้านี้
อาจกลายเป็นจุดอ่อนหรือไม่ เพราะแยกส่วนจากกันคนละคดี
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี