ผู้เขียนเป็นไทยบ้านป่า ดังที่โบราณกล่าวว่า“คนไทยอยู่ในป่า คนจีนค้าขายในเมือง” คือ คนไทยอยู่ในป่าทำไร่ทำนาถางป่าทำสวนขึ้นต้นด้วยคำว่า “ไทยป่า” เพื่อยืนยันว่าเราเป็นไทยแท้ แต่โชคชะตานำพาให้มาเป็นเขยครอบครัวคนจีนมากว่าสี่สิบหกปีแล้ว เมื่อเป็นเขยใหญ่ในครอบครัวจีน ต้องปรับตัวให้เข้ากับประเพณีสำคัญ นั่นคือ การไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษในวันตรุษจีน และงานหลักของเขยใหญ่ ในครอบครัวไทยเชื้อสายจีน คือหิ้วเข่ง หิ้วตะกร้า ตามหลังแม่บ้านในวันจ่าย
ตรุษจีนปีกระต่ายนี้ วันไหว้ตรงกับเสาร์ที่ 21 มกราคม ส่วนวันศุกร์ที่ 20 เป็นวันจ่าย คือวันที่ลูกหลานคนไทยเชื้อสายจีนออกไปซื้อเครื่องเซ่นไหว้ ตลอดถึงหมู ไก่ เส้นหมี่เหลือง หน่อไม้จีน กระดาษเงิน กระดาษทอง สิ่งของและอื่นๆ จิปาถะ และรู้สึกแปลกใจ ที่วันจ่ายปีนี้ แม่บ้านจับจ่ายซื้อเครื่องเซ่นไหว้มากมายกว่าหลายปีที่ผ่านมา เมื่อกลับถึงบ้าน ถามแม่ยายว่า ทำไมซื้อของเซ่นไหว้มากมายได้รับคำตอบว่าตรุษจีนปีกระต่าย ต้องเต็มที่ “ตรุษจีนปีนี้ เซ็งลี้ฮ้อ”
และเท่าที่สังเกตดูวันจ่ายปีนี้คึกคักกว่าสามสี่ปีที่ผ่านมาเลย คิดเองว่าตรุษจีนปีนี้เศรษฐกิจคงฟื้นตัวหลังจากที่ซบเซา เพราะพิษโควิด-19 มาสามปี แต่จะเหมาเอาว่า เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะเห็นการจับจ่ายซื้อของเซ่นไหว้เพียงจุดเดียวไม่ได้
เมื่อหาข้อมูลจากเว็บไซต์ ก็พบผลวิจัยของธนาคารกสิกรไทย ที่เปิดเผย เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 ว่า...ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า เม็ดเงินใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ ในปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 12,330 ล้านบาท หรือ ขยายตัวราว5.0% เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีก่อน ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในรอบ 3 ปี โดยเป็นผลจากราคาสินค้า ที่น่าจะปรับสูงขึ้นราว 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้คนยังระมัดระวังกับการใช้จ่าย โดยสำรองเงินซื้อเครื่องเซ่นไหว้เพิ่มขึ้น แต่ปรับลดการแจกอั่งเปาลง
ขณะที่จำนวนคนกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมกิจกรรมช่วงตรุษจีน อาจเพิ่มขึ้นราว 1.5% จากปีก่อน โดยเฉพาะการกลับมาทำกิจกรรมท่องเที่ยว/ทำบุญ/ทานข้าวนอกบ้านมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภายหลังหมดเทศกาลตรุษจีน คาดว่าคนกรุงเทพฯ จะกลับมาวางแผนใช้จ่ายอย่างรัดกุมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยของธนาคารกสิกรไทยจำกัดวงอยู่แค่การจับจ่ายใช้สอย การท่องเที่ยวของคนกรุงเทพฯเท่านั้น ธนาคารกสิกรไทย ไม่ได้ทำวิจัยรวมอีก 76 จังหวัด ที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่หลายล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำวิจัยของธนาคารกสิกรไทย ไม่ได้รวมการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวจีน และนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆที่จะเข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยทั่วประเทศไทยในเทศกาลตรุษจีน
ซึ่งอาจารย์วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกกับแนวหน้าว่า “คนจีนจะมาเที่ยวเมืองไทยจำนวนมากในเทศกาลตรุษจีน 2566 แต่ไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าทะลักเข้ามา เพราะคนจีนยังต้องต่ออายุหนังสือเดินทางกลับยังต้องยื่นขอวีซ่าที่สถานกงสุลไทยตรุษจีนปีนี้ผมยังไม่คาดว่าจะมาอย่างทะลักทลายนะครับ คนจีนมามากแน่แต่ไม่ทันตรุษจีนนี้ในฉับพลันทันทีครับ...เชื่อว่าเราจะเห็นการฟื้นคืนถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนนักเดินทางต่อเดือน ในเดือนกุมภาฯมีนาฯนี้มากกว่า..”
นอกจาก ประเมินด้วยตัวเองแล้ว อ.วีระศักดิ์ ยังส่งข้อมูลจากเว็บไซต์ มาให้อ่านดังนี้...ล่าสุด Ctrip.com หนึ่งในแอปพลิเคชั่น ให้บริการจองผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์ของจีน ได้เผยแพร่ “รายงานการประเมินผลตลาดท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีน พบว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2566 นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน และประเทศอื่นทั่วโลก ให้ความสนใจเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นหลัก ซึ่งคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ อาจเป็นอุตสาหกรรมเดียวฟื้นตัวในโลกที่ฟื้นตัวภายในปี 2566
โดยจากยอดการค้นหาเที่ยวบินในช่วงตรุษจีนประเทศไทย เป็นปลายทางที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกถึงร้อยละ 26.7% สูงเป็นอันดับหนึ่ง ขยับขึ้นมาจากอันดับสองในปี 2565 ขณะที่ปลายทางอื่นๆ มียอดค้นหารองลงมา ได้แก่ ญี่ปุ่น ร้อยละ 19.41 สิงคโปร์ ร้อยละ 17.58 ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 9.8 มาเลเซีย ร้อยละ 8.47 ไต้หวัน ร้อยละ 5.62 เกาหลีใต้ ร้อยละ 5.33 จีน ร้อยละ 4.36 ฮ่องกง ร้อยละ 2.66
เมื่อประเมินจาก แอปพลิเคชั่น Ctrip.com ซึ่งให้บริการจองผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์ของจีนที่ เปิดเผยว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของการท่องเที่ยวประเทศเอเชีย-แปซิฟิกในเทศกาลตรุษจีน 2566 จึงอนุมานว่าจะมีเงินหมุนเวียนในเทศกาล
ตรุษจีนปีกระต่ายมากกว่าที่ธนาคารกสิกรไทยทำวิจัยการใช้จ่ายเฉพาะคนในกรุงเทพฯ คือ 12,330 ล้านบาท หลายเท่า
จึงสรุปในทางที่ดีว่าตรุษจีนปีกระต่ายนี้พูดได้ว่า ประเทศไทย “เซ็งลี้ฮ้อ” และขอให้คนไทยเชื้อสายจีน และคนไทยทั่วไป “เซ็งลี้ฮ้อ” ตลอดปีและตลอดไป
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี