โค้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้เริ่มต้นอย่างเข้มข้นด้วยการเดินหน้าปฏิบัติการถอนรากถอนโคนเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในสังคมและก่อความเสียหายให้กับประเทศมายาวนาน และยังเป็นต้นตอของการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศอีกด้วย
เริ่มด้วยความพยายามในการทลายล้างกลุ่มทุนจีนทำธุรกิจสีเทา ที่ฝ่ายปราบปรามตามไล่ล่ากันมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่ยิ่งสืบลึก
ยิ่งสาวยาว ก็ยิ่งได้เห็นความเกี่ยวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์ของหน่วยงานราชการและผู้มีอำนาจบางกลุ่ม แผ่ขยายไปทั่วกระทบไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นาทีนี้ เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นที่สังคมกำลังจับจ้องและ
เฝ้าติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
ด้านปัญหาอาชกรรมออนไลน์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศ ข้อความ SMS หลอกลวง เว็บพนันผิดกฎหมาย แก๊งหลอกโอนเงิน และแก๊งบัญชีม้า ต่างก็โดนไล่เช็คบิลกันถ้วนหน้ามีการจับกุมผู้กระทำผิด ไล่ปิดเว็บได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังคงมีประชาชนโดนหลอกและได้รับความเดือดร้อนจากธุรกิจพวกนี้ไม่เว้นในแต่ละวัน
เช่นเดียวกับการปราบปรามสินค้าเถื่อน โดยเฉพาะในภาคใต้ที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเป็นแหล่งผลประโยชน์ของธุรกิจของเหล้าเถื่อน บุหรี่เถื่อน น้ำมันเถื่อน หรือแม้แต่ยาเสพติดที่อาศัยจังหวัดในภาคใต้ที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านในการลักลอบและจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายเหล่านี้ และแม้จะมีการระดมกำลังของกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามเพิ่มมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น สถิติการจับกุมบุหรี่เถื่อนของกรมสรรพสามิตปีงบประมาณ 2565 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมการกระทำผิดได้มากขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่การลักลอบนำเข้าและจำนวนร้านขายบุหรี่เถื่อนในภาคใต้ก็ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ที่จังหวัดสงขลา นราธิวาส สตูลร้านขายเหล้าและบุหรี่เถื่อนหลายร้านในภาคใต้โดนจับกุมและสั่งปิดไป แต่อีกเพียงไม่กี่วันก็กลับมาเปิดขายได้อีก จนมีเสียงลือให้อื้ออึงกันทั่วไปว่าน่าจะมีผู้มีอำนาจหรือเจ้าหน้าที่รัฐบางรายเข้าไปเกี่ยวข้องจึงทำให้ร้านค้าธุรกิจผิดกฎหมายพวกนี้ยังคงทำอยู่ได้ต่อเนื่องยาวนานอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ที่ผ่านมา แม้สังคมจะพอรู้พอเดากันได้ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางรายเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก ได้แต่รับสภาพกันไป ปล่อยไว้วิกฤตคอร์รัปชั่น เป็น “เนื้อร้าย” สร้างความเสียหายให้ประเทศ ฉุดภาวะเศรษฐกิจ และทำให้ข้าราชการน้ำดีต้องพลอยมัวหมองไปด้วย
แม้จะเหลือเวลาทำงานอย่างเป็นทางการอีกเพียงไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้งใหม่ แต่การที่รัฐบาลชุดนี้ประกาศเอาจริงเอาจัง ต้องการ “รุกฆาต” กลุ่มอิทธิพลมืดเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้นปีก็เป็นนิมิตหมายอันดีที่การทุจริตคอร์รัปชั่น อิทธิพลมืด และธุรกิจผิดกฎหมายจะลดน้อยลงไปเสียที ถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอาจริงกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกวงการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนอยากเห็นความจริงจังจากรัฐบาลมากที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี