โดยทั่วไปแล้ว นักการเมืองคือผู้ที่อาสาเข้ามารับใช้บ้านเมือง เพื่อทำให้บ้านเมืองดีขึ้น หรือก้าวหน้าขึ้น และจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้ที่อาสาเข้ามารับใช้บ้านเมืองจึงต้องตระหนักอย่างแท้จริง เกี่ยวกับความเป็นไป และความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง เพื่อที่จะสามารถกำหนดบทบาทเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ จึงกล่าวได้ว่านักการเมืองควรจะต้องมีคุณลักษณะ 2 ประการอันสำคัญประกอบด้วย การเป็นผู้ร่วมการเปลี่ยนแปลง (Agent of change) และการเป็นผู้บริหารการเปลี่ยนแปลง (Manager of change)
ฉะนั้น นักการเมืองแต่ละคนก็ต้องรู้ และเข้าใจซึ่งสภาพของสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง เพราะหากไม่รู้หรือไม่รอบรู้ ก็จะเข้ามาแสดงบทบาทเป็นตัวเปลี่ยน หรือตัวบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงใดๆ มิได้ เท่ากับว่ามิได้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะอาสาเข้ามารับใช้บ้านเมือง
ประเด็นปัญหาที่ประชาชนพลเมืองไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ก็คือ มองไม่เห็นว่านักการเมืองไทยตระหนักรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยมากน้อยเพียงใดก็เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงและน่าหนักใจ เนื่องจากไม่สามารถฝากความหวังไว้กับนักการเมืองประเภทนี้ได้ และก่อให้เกิดความหวาดหวั่นว่า เมื่อนักการเมืองไม่รู้เรื่องการเปลี่ยนแปลง แล้วจะไปกำหนดนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ยังมิพักกล่าวถึง บรรดานักการเมืองที่มิได้มีความมุ่งมั่น มุ่งหมายใดๆ ที่จะมาช่วยเปลี่ยนแปลงหรือบริหารความเปลี่ยนแปลงในสังคม หากแต่มุ่งเข้ามาสู่แวดวงการเมืองโดยหวังจะใช้อำนาจ และสิทธิประโยชน์ เพื่อตนเองและพรรคพวก พวกพ้องเป็นสำคัญ
ในการนี้ก็เป็นการสมควรที่พวกเราประชาชนพลเมืองไทยก็ต้องออกมาเรียกร้องให้บรรดานักการเมืองและพรรคการเมืองของตนได้ออกมาแสดงความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย และออกมาแสดงซึ่งสติปัญญา ความรู้ความนึกคิดว่า เขาทั้งหลายจะเข้ามาช่วยประคับประคอง หรือเข้ามาบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
หากบรรดานักการเมือง และพรรคการเมืองต้นสังกัดไม่สามารถบอกกล่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยและรอบๆ สังคมไทย นั่นก็หมายความว่าเขาต่างไร้ซึ่งสติปัญญา หรือมิได้สนอกสนใจต่อความเป็นไปในสังคมไทยอย่างจริงจัง สะท้อนให้เห็นว่ามิได้มีความปรารถนาที่จะเข้ามารับใช้สังคม หากแต่ประสงค์ที่จะเข้ามาหลอกลวง และเอาประโยชน์จากสังคมไทยกันเป็นแน่แท้ ดังนั้น พวกเราประชาชนพลเมืองก็จะต้องไม่ยอมรับนักการเมืองประเภทนี้ และจะต้องไม่อยู่นิ่งเฉย เพราะบ้านเมืองเป็นของเราทำให้เราต้องการผู้ที่จะมีความสามารถในการที่จะเข้ามาบริหารการเปลี่ยนแปลงในสังคม หรือแม้กระทั่งจะเข้ามาทำตัวเป็นผู้ช่วยเปลี่ยนแปลงสังคม เพื่อความเจริญก้าวหน้าและความผาสุกของสังคมและประชาชนชาวไทย
ฤดูการเลือกตั้งทั่วไปได้ใกล้เข้ามาแล้ว ระหว่างนี้ นักการเมือง และพรรคการเมืองก็จะมาเสนอตัว พร้อมด้วยข้อเสนอโน่นนี่มากมาย เพื่อที่จะหาคะแนนนิยมหาคะแนนเสียง ซึ่งพวกเราประชาชนพลเมืองไทยก็ไม่ควรจะเคลิบเคลิ้มไปกับวาทะอันสวยงามต่างๆ ที่ฉาบเอาไว้ หากแต่ต้องพินิจพิจารณาให้ดีตั้งแต่ต้นว่า บรรดานักการเมืองและพรรคการเมืองนั้นรู้จักเมืองไทยของเราแค่ไหน และจะพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ และสังคมไทยให้ดีขึ้นอย่างไร มีความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้นมาไม่นานมานี้ และกำลังจะเกิดขึ้นนั้นดีแค่ไหน บรรดานักการเมือง และพรรคการเมืองที่มาเสนอตัวกับเรานั้นมองเห็นหรือไม่อย่างไร? และจะเตรียมการ มีแผน และรับมือกันอย่างไร?
ตัวอย่าง ในโลกทุกวันนี้มีการศึกษา ค้นคว้า วิจัย มีการอภิปราย โต้เถียง และระดมความคิดกันอย่างใหญ่หลวง เช่น ในเรื่อง Energy security, Food security, Health security, Social security ไปจนถึงเรื่องความมั่นคงยั่งยืนของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ (Environmental security หรือ sustainability) จึงมีคำถามตามมาว่า ศัพท์แสงเหล่านี้นักการเมืองไทยและพรรคการเมืองไทยกี่คนและกี่พรรคที่รู้เรื่องว่าเป็นอย่างไร?
ทั้งหมดนี้ก็ต้องการบอกต่อสังคมไทยว่า นักการเมือง และพรรคการเมืองทั้งหลาย จะต้องเลิกวุ่นวายกับโครงการและวาทะประชานิยมทั้งหลาย ที่เป็นการเมืองแบบสุกเอาเผากิน ผักชีโรยหน้า แบบผักตบชวาที่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ แล้วเอาเรื่องจริง และเรื่องที่เป็นเรื่องเป็นราวดังกล่าวมาพูดจากันให้ได้แก่นสาร อย่างลึกซึ้ง ว่าจะเปลี่ยนแปลง และนำพาสังคมไทยให้ก้าวหน้าไปได้อย่างไร
หากนักการเมืองและพรรคการเมืองนิ่งเฉยงงงวย มึนงง ด้วยอวิชา การเมืองไทยก็จะดูอับเฉาต่อไป การเปลี่ยนแปลงก็จะขาดทั้งเอเย่นต์ และผู้บริหารจัดการ ผลก็คือ ประเทศก็จะย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน ดั่งเช่นที่เห็นๆ กันในระยะเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี