เวทีหาเสียงทุกเวที อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และลูกสาวทักษิณ จะนำนายทักษิณไปขายฝัน
คงด้วยหลงเชื่อว่าคือฝันดี มิใช่ฝันร้าย
ตอกย้ำว่า การเข้ามาสู่การเมืองของเธอ มีความเกี่ยวพันกับการจะกลับไทยโดยไม่ติดคุกของอดีตนายกฯ ผู้หลบหนีคดีทุจริตประพฤติมิชอบอยู่ต่างแดน
1. นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เตือนว่า ถ้าต้องการเป็นนายกฯ ต้องกล้าเป็นตัวจริง ไม่ใช่ร่างทรงคนอื่น หรือนอมินี หรือเป็นตัวแทนให้กับใคร
แต่ต้องเป็นนายกฯ ด้วยความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพในตัวเอง แล้วแสดงออกมาให้เป็นที่ประจักษ์
ดังนั้น ถ้าทำแบบเดิมๆ หวังมีอำนาจเพื่อเป็นร่างทรง ตัวแทนกันอีก ที่สุดจะจบแบบเดิม และประชาชนไม่ได้อะไรจากการเป็นรัฐบาลอีกตามเคย
“นายกฯ ไม่ใช่ตำแหน่งสืบทอดกรรมพันธุ์สายเลือด”จตุพรกล่าว
นายจตุพรได้ยกตัวอย่าง นักการเมืองพรรคอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ชนแต่งตั้งลูกขึ้นมาเป็นผู้นำพรรค แต่จะต้องผ่านการขับเคี่ยวอย่างเชี่ยวกรากทางการเมือง เพื่อบ่มเพาะให้เป็นคนทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์เสียก่อน
“...การยกตัวอย่างมาเพื่อจะบอกว่า ฝ่ายทักษิณ เมื่อมาถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว เป็นนายกฯ ก็เป็นสายเลือดเดียวกัน จนมาถึงอุ๊งอิ๊ง แต่สิ่งหนึ่งที่ประชาชนอยากเห็น คือ การมีวิสัยทัศน์ มีความรู้ แสดงประสบการณ์ให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะประเทศใหญ่เกินกว่าจะมาลองผิดลองถูกอีก... กรณีอุ๊งอิ๊ง สัมภาษณ์สื่อมวลชนสองครั้งนั้น หากประชาชนทั่วไป ทั้งกองเชียร์และคนเพื่อไทยลองหลับตาฟัง คิดว่า อุ๊งอิ๊งไม่ใช่ลูกทักษิณ การแสดงความเห็นทางการเมืองนั้น เธอชนะทุกคนในพรรคที่มีความสามารถมากมายใช่หรือไม่และมีความสามารถเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ เอากันแฟร์ๆ โดยไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือไม่ และไม่ได้เป็นลูกทักษิณ... การแสดงวิสัยทัศน์ความรู้ความสามารถการเป็นนายกฯ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากประเทศไม่ใช่สมบัติของตระกูลใดตระกูลหนึ่งที่จะมีสิทธิ์เป็นนายกฯ...เวลาที่เหลือต้องรีบฉายภาพนายกฯ เพราะคนชั้นกลางที่มีอิทธิพลต่อการขับไล่รัฐบาลมาทุกรัฐบาลจะหมั่นไส้เอา แล้วท้ายที่สุดคนจะเห็นว่าต้องรอรับคำสั่ง แต่คนสั่งอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้อยู่หน้างาน ก็เหมือนดูหนัง ดังนั้น ประเทศจะไปเสี่ยงกับการตัดสินใจระยะไกลไม่ได้..”
2. ว่าด้วยเรื่องอุ๊งอิ๊งกับคดีทุจริตของบิดา
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นอย่างแหลมคม ระบุว่า
“ ....การที่อุ๊งอิ๊งโดนโจมตีและล้อเลียนเรื่องพูดภาษาอังกฤษปนไทยในการให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่งซึ่งออกอากาศเป็นภาษาอังกฤษ
การเปรียบการพูดภาษาอังกฤษของอุ๊งอิ๊งกับเมียเช่า ดูจะไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งเพราะเธอพูดได้ดีกว่ามาก
ก็ยังงงอยู่ว่า เมื่อรายการนี้ออกอากาศเป็นภาษาอังกฤษ ก็ย่อมมีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติ แต่ไฉนจึงให้พูดภาษาอังกฤษปนไทยได้ก็ไม่ทราบ เพราะชาวต่างชาติฟังแล้วจะงงมาก...
...กรณีอุ๊งอิ๊ง ผมเชื่อว่าเธอสามารถพูดภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องแทรกภาษาไทยเลยก็ได้ แต่จะพูดได้ดีแค่ไหนยังบอกไม่ได้ เพราะยังไม่เคยฟัง แต่ผมไม่ติดใจเรื่องภาษาอังกฤษของอุ๊งอิ๊ง กลับติดใจเรื่องความเชื่อและแนวคิดของเธอมากกว่า
เพราะจากที่ได้ฟัง แสดงว่าอุ๊งอิ๊งไม่ได้คิดว่าพ่อตัวเองทำอะไรผิดเลยแม้สักเรื่องเดียว
มีแต่ทำความเจริญรุ่งเรืองให้ประเทศไทย และเชื่อว่าหากตัวเองได้เป็นรัฐบาล จะสามารถทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า และจะขจัดความเดือดร้อนให้ประชาชนได้ ลดความเหลื่อมล้ำได้
อุ๊งอิ๊งบอกว่า โกรธมากที่มีคนบอกว่า ต่อให้ได้สส.ในสภาผู้แทนราษฎร 300 ที่นั่งก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องแย่มาก และกติกาแบบนี้ในเวลานี้ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะตัวเองยังไม่มีอำนาจ ฝ่ายที่มีอำนาจเขาจะทำอย่างไรก็ได้ จะกำหนดกติกาอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ สว. บอกว่าจะไม่เลือกแม้จะชนะการเลือกตั้งก็ตาม ขอถามคนทั่วไปว่า ยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร เป็นเรื่องที่บ้ามากๆ
เพื่อตอบคำถามนี้ จะต้องถามกลับว่า อุ๊งอิ๊งไม่ทราบหรือว่าพ่อตัวเองเมื่อครั้งยังเรืองอำนาจ เคยทำอะไรไว้บ้าง หรือทราบแต่เลือกจำเฉพาะส่วนดีๆ ส่วนไม่ดีตัดออกจากฐานความจำหมดแล้ว
ดังนั้น ต้องทบทวนความจำกันหน่อย สิ่งที่พ่ออุ๊งอิ๊งทำไว้ มีดังนี้
1. สั่งให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย( Exim Bank) อนุมัติเงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำ เป็นจำนวนเงิน 4,000 ล้านบาท ให้รัฐบาลพม่าเพื่อปรับปรุงระบบโทรคมนาคม บริษัทที่รัฐบาลพม่าว่าจ้างก็คือบริษัทชินคอร์ป เมื่อถึงเวลารัฐบาลพม่าต้องการชำระเงิน ก็สั่งให้ Exim Bank โอนเงินให้บริษัทชินคอร์ปโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านรัฐบาลพม่า กรณีนี้ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี
2. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต กิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และประกาศลดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แล้วยังอนุญาตให้นำภาษีสรรพสามิตที่เสียไปหักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายให้รัฐ ในกรณีของบริษัทแอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส ที่ต้องจ่ายให้องค์การโทรศัพท์ฯ เป็นผลทำให้องค์การโทรศัพท์มีรายได้ลดลง ปีละประมาณ 6 หมื่นล้าน กรณีนี้ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี
3. แก้สัญญาสัมปทานไอทีวี ซึ่งชินคอร์ปเข้าไปถือหุ้นใหญ่แก้สัญญาเพื่อลดค่าสัมปทาน และยังอนุญาตให้มีรายการบันเทิงได้มากขึ้น จากเดิมที่ต้องมีรายการข่าวเป็นหลัก
4. ประกาศให้วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ซึ่งตรงกับวันพุธ ไม่เป็นวันหยุดราชการ และให้ไปหยุดวันศุกร์ที่ 2 มกราคมแทน แทนที่จะให้วันศุกร์ ที่ 2 เป็นวันหยุดเพิ่มอีกวัน ... (ก่อนหน้านั้น)คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ประมูลซื้อได้จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งราคาประเมินที่ดินซึ่งมีการปรับทุก 4 ปี กำลังจะปรับขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2547 พอดี ดังนั้น หากโอนหลังวันที่ 31 ธันวาคม คุณหญิงจะต้องเสียค่าธรรมเนียมโอนเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากโอนภายในสิ้นปีจะทำให้ประหยัดเงินไปประมาณ 6 ล้านบาท (ภายหลังก็มีการทำธุรกรรมก่อนสิ้นปี แต่ทำเสร็จก่อนวันที่ 31 ธ.ค.)
5. แก้ไข พ.ร.บ.โทรคมนาคม ให้คนต่างชาติถือหุ้นในบริษัทโทรคมนาคมจากเดิมไม่เกิน 25% เป็นไม่เกิน 50% หลังจากแก้กฎหมายได้ 2 วัน ก็ขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปที่มีอยู่ 49.595% ให้กองทุน
เทมาเส็ก ของสิงคโปร์
6. ขายหุ้นเป็นมูลค่าถึง 73,274 หมื่นล้านบาท สามารถหลบเลี่ยงภาษีได้ทั้งหมด ไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่สตางค์แดงเดียว เนื่องจากไปเปิดบริษัท Ample Rich ไว้ที่ British Virgin Island และให้ Ample Rich เป็นผู้ถือหุ้นชินคอร์ป หากขายให้เทมาเส็ก จะต้องเสียภาษี เพราะเป็นนิติบุคคล จึงขายหุ้นให้กับลูกชายเสียก่อนในราคาทุน (เพราะถ้ามีกำไรต้องเสียภาษี) แล้วจึงให้ลูกชายขายให้เทมาเส็กผ่านตลาดหลักทรัพย์ เพราะบุคคลธรรมดาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี
ภายหลังศาลฎีกาฯพิพากษาให้ยึดทรัพย์ทักษิณกว่า 4.6 หมื่นล้าน
นอกจากประเด็นเรื่องการเลี่ยงภาษีแล้ว ยังเป็นที่น่ากังขาว่า การที่รัฐบาลทักษิณให้สิงคโปร์มาใช้สนามบินอุดรธานี ตั้งแต่ปี 2547 โดยทำ MOU เป็นระยะเวลาถึง 15 ปี แลกกับเครื่องบิน F-16 A และ B ใช้แล้วจำนวน 7 ลำ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ให้สิงคโปร์ใช้ประโยชน์ทางการทหารที่สนามบินไทย บนน่านฟ้าไทย เป็นเรื่องสมควรหรือไม่
นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่สำคัญๆ จริงๆ ยังมีอีกหลายเรื่อง และยังมีต่อมาจนถึงรัฐบาลคุณอาของอุ๊งอิ๊งด้วย ทำให้รัฐมนตรีบางคนต้องติดคุก
ส่วนคุณอาก็แอบหนีออกนอกประเทศ ทั้งที่ประกาศว่าจะไม่หนีไปไหน
อุ๊งอิ๊งไม่ทราบหรือว่า กลุ่มคนที่เขาทำรัฐประหาร ไม่ว่าจะมีความหวังดีต่อประเทศจริงหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่พ่อทำไว้เมื่อมีอำนาจ ทำให้เขามีข้ออ้างที่จะทำรัฐประหารและเขามีบทเรียน เมื่อมีโอกาสเขียนกติกา เขาจึงเขียนกติกาเพื่อป้องกันไม่ให้พ่ออุ๊งอิ๊งกลับมามีอำนาจได้อีก และดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศจะยอมรับกติกาที่พวกเขาเขียนขึ้น เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 และคำถามแนบท้ายผ่านประชามติมาอย่างสบายๆ ยังดีที่เขาเขียนกติกานี้ไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องไปปิด switch อีกเพียง 1 ปี ก็จะหมดสภาพไปเอง
หากพ่ออุ๊งอิ๊งไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ รวมทั้งเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งในรัฐบาลคุณอาๆก็จะไม่เกิดการชุมนุมประท้วงใหญ่ และไม่มีข้ออ้างพอที่จะทำรัฐประหาร
ถ้าอุ๊งอิ๊งไม่ยอมรับรู้และไม่พยายามเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เกิดได้เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าก็คงเป็นได้เพียงนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดของพ่ออุ๊งอิ๊ง
แม้จะมีคนเก่งอยู่บ้างในพรรคเพื่อไทยที่เป็นมันสมองให้ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าคนเก่งๆ เหล่านี้ หลายคนเคยเป็นนักกิจกรรมที่มีอุดมการณ์ กลับเชื่อฟังพ่ออุ๊งอิ๊งแบบไม่มีค้านสักแอะ สังเกตดูใน Club House ก็ได้ ไม่น่าเชื่อว่า พรรคที่อ้างว่าเป็นพรรคประชาธิปไตย แต่กลับยอมให้คนที่อยู่นอกพรรคบงการได้ทั้งหมด
ถ้าอุ๊งอิ๊งต้องการชนะการเลือกตั้งแบบ land slide จริง กล้าประกาศหรือไม่ว่า หากได้เป็นรัฐบาล จะไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้พ่อกลับบ้าน และหากพ่อจะกลับบ้านก็จะให้กลับมารับโทษเสียก่อน ส่วนจะทำอย่างไรให้พ้นโทษก่อนกำหนด ค่อยมาว่ากันภายหลัง
หากกล้าประกาศเช่นนี้ ยังพอมีโอกาสชนะเลือกตั้งแบบ land slide หากยังอมพะนำอยู่เช่นนี้ บอกเลยว่า โอกาสที่จะชนะเลือกตั้งแบบ land slide แทบจะเป็น 0”
3. ประการสำคัญ อุ๊งอิ๊งจะต้องเลิกปั่นกระแสดราม่าอุ้มท้องหาเสียง เพราะไม่มีใครห้าม หรือบังคับให้มาลงการเมืองตอนตั้งครรภ์เลย (หรือว่ามีใครบังคับ?)
ควรเลิกเอาตัวเองไปเทียบกับนักการเมืองต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย เพราะบุคคลเหล่านั้น เขาประสบความสำเร็จด้วยความรู้ความสามารถ ประสบการณ์การทำงาน และการแสดงให้เห็นประจักษ์ถึงความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ทางการเมืองของตนเอง
ไม่มีใครอาศัยความเป็น “ลูกทักษิณ” ก้าวกระโดดข้ามหัวใครต่อใครขึ้นมา
ที่สำคัญ คนเหล่านั้น ไม่มีบิดาหนีคดีโกงที่ประกาศจะกลับบ้านแบบไม่ติดคุกแบบนี้
พึงสำเหนียกบ้างก็ดี!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี