ผมเองมิใช่แฟนคลับของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ก็อดที่จะทึ่งกับความสามารถในการประคองตัวทางการเมืองของท่านไม่ได้ ด้วยผลงานนับตั้งแต่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จวบจนได้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรไทยมาจนถึงทุกวันนี้ แถมยังมีทีท่าว่าอาจจะสามารถคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้อีกหลายปี ชนิดอยู่ยงคงกระพัน ไม่มีผู้ใดในเวทีการเมืองไทยที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจรัฐจากพลังอำนาจของฝ่ายกองทัพ แล้วก้าวเข้ามาสู่สนามการเมืองในฐานะนักการเมืองได้เช่นนี้มาก่อน
นายทหารรุ่นพี่ๆ ไม่ว่าจะเป็น จอมพล ป.พิบูลสงคราม จอมพล ถนอม กิตติขจร จอมพล ประภาส จารุเสถียร พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ พลเอก สุจินดา คราประยูร พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก และพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ต่างก็ได้เถลิงอำนาจกันไม่นาน ก่อนจะต้องตกขบวนรถไฟการเมือง หรือ
รัฐนาวากันไปตามๆ กัน (ยกเว้นจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่แม้แสนจะยิ่งใหญ่ ก็กลับสิ้นชีวิตอย่างกะทันหัน ก็เลยไม่ทราบว่าจะไปรอดได้กี่น้ำ) ในขณะที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถประคับประคองตัวเอง และคุมอำนาจไปได้อย่างค่อนข้างมั่นคง และยังเต็มไปด้วยอนาคตทางการเมืองที่สดใส ทำให้อดที่จะทึ่งไม่ได้ และคงต้องยกนิ้วให้กับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เป็นผู้มีชั้นเชิงการเมืองที่ชาญฉลาด ไม่ธรรมดา ทั้งๆ ที่การบริหารจัดการบ้านเมืองในช่วงเกือบ 9 ปีที่ผ่านมานี้ ก็เหมือนมิได้แสดงฝีไม้ลายมือให้เป็นที่ประจักษ์ชัดแต่อย่างใดราชอาณาจักรไทยยังตกอยู่ในสภาพของการเป็นประเทศที่ติดหล่มรายได้ระดับปานกลาง ที่ยังขาดองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกิจการการเกษตรและการอุตสาหกรรมและการบริการที่ทันสมัย ที่จะอำนวยให้ประเทศไทยยืนอยู่บนขาของตนเองและแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างสง่างามไม่หวั่นไหว
แต่อะไรเล่าที่เป็นปัจจัยที่อำนวยให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนหยัดอยู่ในสนามการเมืองของราชอาณาจักรไทยได้อย่างทะนงและมั่นคง? ซึ่งก็คงจะมีหลายปัจจัยหรือคำตอบด้วยกัน เช่น
1.ชั้นเชิงและไหวพริบ ที่เริ่มตั้งแต่การต้อนรับผู้นำทางการเมืองและขบวนการการเคลื่อนไหวทางการเมืองเข้าสู่ห้องประชุมของกองทัพ เพื่อให้เจรจาหาข้อยุติ ข้อขัดแย้งก่อนจะประกาศยึดอำนาจ และทำการกวาดต้อนบรรดาผู้เข้าร่วมประชุมให้ขึ้นรถยนต์ นำไปกักขังไว้เป็นการชั่วคราว ซึ่งก็ได้รับการแซ่ซ้องในระดับหนึ่งจากประชาชนพลเมืองว่า ช่วยยุติความยุ่งเหยิงของบ้านเมือง และนำกลับมาซึ่งเสถียรภาพ และเริ่มต้นศักราชการเมืองกันใหม่
2.เมื่อยึดอำนาจเสร็จ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มิได้ตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดดังที่หลายนายพลผู้นำการปฏิวัติได้เคยปฏิบัติกันมา หากแต่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่ในตำแหน่งผู้นำการยึดอำนาจและนายกรัฐมนตรี เป็นเวลาถึง 5 ปีแล้วก็ได้ผลิตทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่เปิดทางให้ตัวพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อยอดตำแหน่งและอำนาจของตนเองต่อไปได้ ดังที่ทราบกันดีอยู่
3.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้เวลาที่ผ่านมานี้เสริมสร้างความเป็นตัวตนของผู้รักและพิทักษ์อุดมการณ์ว่าด้วย ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเป็นผู้ปราบและยันทัพระบอบทักษิณทุนนิยมสามานย์ และความคิดอ่านใดๆ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงความเป็นราชอาณาจักรของไทย สู่ความเป็นสาธารณรัฐ
4.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้นโยบายและมาตรการประชานิยมอย่างกว้างขวาง ในการขยายคะแนนนิยมและฐานเสียง และคบหาสมาคมด้วยดีกับกลุ่มทุนครอบครัวยักษ์ใหญ่ต่างๆ อย่างแข็งขัน
5.คู่ขนานกันไป พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เรียกร้องความสนอกสนใจของประชาชนพลเมืองว่า เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ด้วยศัพท์แสงและวลี เช่น เศรษฐกิจ 4.0 เศรษฐกิจ BCG โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะโครงการ EEC อีกทั้งก็ได้ไปปรากฏตัวแสดงความเป็นคนที่ทันโลกในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งในระดับองค์การสหประชาชาติ และองค์การร่วมมือทางภูมิภาคต่างๆรวมทั้งการเป็นประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมกลุ่ม APEC ในช่วงปี 2565 ที่ได้มีการยอมรับ รองรับในเศรษฐกิจ BCG เป็นต้น
6.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นบุคคลที่มีบุญ สามารถทำให้สื่อรู้สึกเป็นกันเอง รักใคร่เอ็นดู และไม่ถือสาในวิธีการพูดจาที่โผงผาง มีอารมณ์หงุดหงิด พูดสั้นๆ ไม่ชี้แจงไม่ขยายความ แต่ก็ไม่ก้าวร้าว หรือข่มขู่
7.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการร่วมมืออย่างแข็งขันกับวงการต่างๆ ของไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกองทัพ ฝ่ายข้าราชการพลเรือน ฝ่ายรัฐวิสาหกิจ ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายวิชาการ และฝ่ายเจ้าของกิจการสื่อ ที่มีความคิดอ่านเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมด้วยกันคือไม่ชอบการตั้งคำถามใดๆ ในเรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยของกฎหมายรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปสถาบันต่างๆ ของชาติ ไปจนถึงการชุมนุมประท้วงต่างๆ ว่า เป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพของบ้านเมืองโดยใช่เหตุ
8.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบความสำเร็จในการใช้กฎหมายต่างๆ เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการสยบผู้เห็นต่าง โดยมีแนวร่วมจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ฝังตัวอยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทย
9.ในขณะเดียวกันความสำเร็จของการอยู่ยงคงกระพันของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้รับตัวช่วยจากความอ่อนแอของบรรดาพรรคการเมืองด้านฝ่ายค้านที่สาละวนอยู่กับตัวเองมากกว่าที่จะใช้สติปัญญาและระยะเวลาในการต่อสู้ทางการเมืองกับฝ่ายพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคพวก และพันธมิตร ซึ่งหมายถึงการหย่อนยานการทำหน้าที่ของบรรดาพรรคการเมืองฝ่ายค้าน
10.บรรดามิตรประเทศที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยก็มิได้บีบคั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเรื่องการเสริมสร้างการเป็นประชาธิปไตยและการบริหารจัดการบ้านเมืองแบบธรรมาภิบาล เพราะเกรงว่าจะเป็นการต้อนให้รัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสู่อ้อมกอดของฝ่ายจีน รัฐเผด็จการพรรคเดียวมากยิ่งขึ้น
11.กระบวนการการเมืองภาคประชาชนที่เป็นหัวก้าวหน้า ที่ต้องการเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบก็ยังรวมตัวกันไม่ติด และบรรดาผู้นำรุ่นเก่าก็แก่ชราและติดกับอยู่กับคดีการละเมิดกฎหมายความมั่นคงและกฎหมายฉุกเฉินต่างๆ ขณะที่ผู้นำรุ่นใหม่ก็ยังขาดประสบการณ์ องค์ความรู้ และการสมานสามัคคี และได้เผอเรอเข้าไปติดกับกับกฎหมายต่างๆ ของบ้านเมือง ก็ทำให้อ่อนแอ อ่อนเปลี้ยลงไปโดยปริยาย
การณ์ทั้งหมดนี้ได้อำนวยให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถลอยตัวและลอยนวลได้อย่างเบิกบาน มั่นคง และมั่นใจ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถนำพาราชอาณาจักรไทยให้หลุดพ้นไปจากสภาวะติดกับของการพัฒนาประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และการเสริมสร้างเสถียรภาพ และความมั่นคงในชีวิตให้กับประชาชนพลเมืองได้อย่างไร? ในเมื่อไม่มีคู่ต่อสู้ทางการเมืองให้เป็นที่ประจักษ์ชัด คู่ต่อสู้ทางการเมืองของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือประชาชนพลเมืองที่ยังยากไร้ ที่ไร้ความยุติธรรม และความเสมอเหมือน เสมอภาคเป็นสำคัญ
ก็หวังว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้มีสติยั้งคิดที่จะยุติการใช้อำนาจเพื่อต่ออำนาจ แล้วหันเหไปในทิศทางของการใช้อำนาจเพื่อรับใช้ประชาชนอย่างจริงใจ จริงจัง ด้วยความซื่อตรงและซื่อสัตย์สุจริต กันเสียที
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี