ได้มีโอกาสคุยกับ กษิติ กมลนาวิน ว่าที่ผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตคลองเตย วัฒนา หนึ่งในตัวความหวังของพรรคเสรีรวมไทยที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค หมายมั่นหวังปักธงในเมืองหลวง
หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์รายนี้เมื่อราว 10 กว่าปีก่อน หรือไม่ก็อาจจะจำเขาได้ในฐานะสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ฝรั่งเศสและสุดยอดแฟนพันธุ์แท้โอลิมปิกกษิติ กมลนาวิน เรียนมาทางด้านรัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ในเมืองไทย รวมทั้ง Université des Langues et Lettres de Grenoble ที่ประเทศฝรั่งเศส และผ่านการอบรมการเป็นผู้ประกาศข่าวจาก CNN ซึ่งนอกจากจะมีบทบาททางหน้าจอโทรทัศน์แล้ว เขาผลิตรายการเองเป็นเบื้องหลังก็เยอะ เริ่มเขียนคอลัมน์ลงหนังสือพิมพ์มาตั้งแต่ยังอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์รายวัน ถือว่าเป็นสื่อมวลชนเต็มๆ ทำหน้าที่นำความจริงมาตีแผ่แก้ไขสังคมให้ดีขึ้น
ในทางการเมือง กษิติ ก็เคยนั่งทำงานกระทรวงในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ในโควตาของพรรค ทำให้เขามีประสบการณ์การทำงานในสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย
เมื่อเราถามว่า ในฐานะ สส. เขาจะมาทำอะไรให้พี่น้องประชาชน กษิติ ตอบทันควันว่า “นำคุณภาพชีวิตสากลสู่ชุมชนชาวไทย” เปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศในหลายๆ ด้านเพื่อให้เกิดความเจริญพัฒนา ยุติธรรม เสมอภาค เท่าเทียมลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสให้ทุกๆ คน นำเอาระบบสวัสดิการประชาชนเข้ามาปรับใช้เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ประกันการว่างงาน การรักษาพยาบาล มีเงินเลี้ยงชีพอย่างพอเพียงยามเกษียณ ทำให้คนไทยทุกคนมีความมั่นคงในการดำรงชีวิตทุกด้าน สร้างโอกาสให้คนในระดับล่างสามารถเขยิบฐานะทางสังคมให้สูงขึ้นได้ รวมทั้งการประกันราคาผลผลิต อุ้มชูส่งเสริมสนับสนุนการทำธุรกิจทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เช่น พวกสตาร์ทอัพ เพื่อความเจริญมั่งคั่งของประชาชนและประเทศชาติ
กษิติ เล่าให้ฟังว่า เขาเคยใช้ชีวิตทำงานอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นระยะเวลานานร่วม 10 ปี นานพอที่จะซึมซับแบบอย่างการปกครองของประเทศที่เจริญพัฒนาที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ตลอดจนระบบวิธีคิดหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำให้กับประชาชนของเขา แม้ว่าเขาจะย้ายกลับมาเมืองไทยแล้วก็ยังเดินทางไปๆ มาๆ ในหลายประเทศทั่วทวีปยุโรปอย่างสม่ำเสมอเพื่อพาข้าราชการ นักธุรกิจไปเยี่ยมชมศึกษาดูงาน
เช่น โรงงานไฟฟ้าพลังงานปรมาณู โรงงานผลิตเครื่องบิน โรงงานเจียระไนเพชร โรงงานกำจัดขยะ โรงพยาบาล สถานศึกษา กิจการตำรวจ โรงงานผลิตน้ำหอม โรงงานผลิตไฟส่องสว่าง ฯลฯ โดยช่วยแปลให้ด้วยเพราะเขาสื่อสารได้ 3 ภาษา ทั้ง ไทย อังกฤษ และฝรั่งเศส ความรู้ประสบการณ์เหล่านี้แหละที่จะนำมาพัฒนาให้ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้า ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสุขสมบูรณ์ มีสวัสดิการประชาชน มีโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน
เขาชี้ให้เห็นว่า หลายชาติในยุโรปเป็นประเทศที่ให้ค่าความสำคัญกับประชาชนของเขาอย่างมาก ไม่ว่าจะคิดจะทำอะไรจะต้องคิดถึงประชาชนก่อนเสมอ และประชาชนจะมีส่วนร่วมคิดร่วมทำ ทุกสิ่งทุกอย่างมันจึงตรงตามความต้องการของประชาชน ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ในระดับดี มีสวัสดิการพร้อมมูล นี่ไงครับสิ่งที่เราต้องการนำมาเปลี่ยนแปลงปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวไทย
“อะไรก็ตามที่รัฐทำไม่ได้ ทำไม่ทัน ทำไม่สำเร็จ เพราะกำลังคนไม่เพียงพอเทคโนโลยีไม่ถึง ผมก็จะเอาภาคประชาชนเข้ามาช่วย โดยแต่ละกระทรวงเขามีงบประมาณอยู่แล้ว อย่างเช่น เรื่องการหลอกลวง ต้มตุ๋น ที่อาละวาดทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นปัญหารายวัน สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนถูกหลอกเอาเงินไปมากมายทุกวัน เป็นต้น”
เรื่องสวัสดิการประชาชนเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเขาย้ำกับเราว่า คนไทยมีต้นทุนชีวิตที่ไม่เท่ากัน พ่อแม่สร้างมาให้ไม่เท่ากัน ทำให้บางคนไม่มีโอกาสทางด้านการศึกษา ไม่ได้เรียนสูงๆ ในสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ โอกาสในการทำงานในหน่วยงานดีๆ จะมีรายได้ดีๆ ให้เพียงพอต่อการใช้สอย สร้างตัวและเก็บออม ก็น้อยกว่าคนที่มีชาติตระกูล มีเส้นสาย พ่อแม่สร้างมาให้เยอะแยะ
เมื่อใดก็ตามที่คนเหล่านี้เกิดการว่างงาน ก็ขาดรายได้ยามแก่ตัวไปก็ไม่มีเงินบำนาญ หรือมีก็น้อยนิด ไม่เหมือนกับคนที่เป็นข้าราชการ โอกาสในการรักษาพยาบาล ซ่อมสุขภาพก็ต่างกันคนจนที่เป็นฐานรากของสังคมมีจำนวนมากเหลือเกิน ซึ่งในประเทศที่เจริญพัฒนานั้นคนชั้นกลางต่างหากที่มีจำนวนมากที่สุดในสังคม เรื่องต้นทุนในชีวิตที่ไม่เท่ากันนี้นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจเปราะบาง ติดๆ ขัดๆ กระทบกระเทือนไปทั้งระบบต่อๆ กันเป็นลูกโซ่แล้ว สังคมไทยยังขาดความเสมอภาคเท่าเทียมกัน มีความเหลื่อมล้ำสูงมาก ผู้คนอับจนหนทาง
หนทางที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เราก็ต้องค่อยๆปรับปรุงประเทศให้มีระบบสวัสดิการประชาชนเพื่อทำให้ผู้คนมีหลักประกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างหลักประกัน สร้างโอกาสในด้านต่างๆ ให้ผู้คนสามารถลืมตาอ้าปากได้แล้ว ยังเป็นหนทางให้แต่ละคนสามารถเขยิบฐานะทางสังคมเลื่อนชั้นขึ้นได้อีกด้วย ไม่ใช่จนแค่ไหนก็จนอยู่อย่างนั้นไปชั่วลูกชั่วหลาน
สำหรับนโยบายของพรรคเสรีรวมไทยที่เด่นๆ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสวัสดิการประชาชนที่เกี่ยวพันโดยตรงกับปากท้องของประชาชนและจะทำทันทีที่เข้าทำงานในฐานะพรรครัฐบาลก็คือ บัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรีทั่วไทย เรียนฟรีจนจบปริญญาตรีและยกเลิกหนี้ กยศ. บำนาญประชาชน 3,000 บาท/เดือนเบี้ยผู้พิการ 3,000 บาท/เดือน น้ำมัน ไฟฟ้า ราคาถูกสำหรับประชาชน เสริมสร้างประสิทธิภาพกองทุนหมู่บ้านอย่างยั่งยืน จัดที่ดินให้ประชาชน อาศัย-ทำกิน ส่วนนโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชน คือ สร้างเขื่อนเพื่อการเกษตร ป้องกันน้ำแล้ง น้ำท่วมอย่างยั่งยืน แก้ปัญหาประมงไทยอย่างยั่งยืน ในขณะที่นโยบายทางด้านความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน คือ เก็บอาวุธหยุดความตาย ยาเสพติดเป็นศูนย์ และนโยบายปฏิรูปประเทศ คือ ปราบทุจริต พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี คืนงบประมาณให้ประชาชน ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจ
กษิติ กมลนาวิน ว่าที่ผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตคลองเตย วัฒนา จากพรรคเสรีรวมไทย ทิ้งท้ายกับเราว่านักการเมืองมี 2 แบบ แบบแรกคือ คนที่ทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น หรือแบบที่ 2 คือ คนที่ทำให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้นคุณจะเลือกเป็นแบบไหน? ซึ่งเขาไม่ใช่คนที่ยึดการเมืองเป็นอาชีพทำมาหากินเลี้ยงชีพ แต่ส่งลูกสาว 2 คนเรียนจนจบปริญญาตรีในเมืองไทย และปริญญาโทที่ประเทศฝรั่งเศส ทำงานมีรายได้อย่างมั่นคงแล้ว
ตอนนี้เขาก็เหลือเพียงต้องการนำความรู้ประสบการณ์ที่เคยทำงานในประเทศฝรั่งเศสเป็นระยะเวลานานร่วม 10 ปีมาพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะ สวัสดิการประชาชนแบบฝรั่งเศสครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี