ยิ่งใกล้โค้งสุดท้ายของการตัดสินใจเข้าคูหากากบาทเลือกคนที่ใช่เลือกพรรคที่ชอบมากเท่าใด อาการและพฤติกรรมของผู้มีสิทธิเลือกก็เด่นชัดมากขึ้นจากการสำรวจความคิดเห็นจากสำนักต่างๆ แน่นอนโพลล์ก็คือโพลล์โพลล์ไม่ใช่ผลการเลือกตั้งหลังปิดหีบ
เมื่อโพลล์ไม่ใช่ผลการเลือกตั้งหลังปิดหีบนั่นหมายความว่า ทุกพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนที่ลงพื้นที่หาเสียงมีโอกาสที่จะแก้ไขปรับปรุงศรัทธาและความนิยมก็สามารถกระทำได้
แต่ที่น่าสนใจนับจากนี้จนถึงปิดหีบการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจะเปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ เรื่องของนักการเมืองกู้ชาติที่ตัดสินใจเอาตัวเข้ามาเสี่ยงยุติความขัดแย้งที่เริ่มจะบานปลาย เพียงเพราะพรรคการเมืองที่ได้อาหารเปียกอาหารเม็ดพยายามลักหลับประชาชนในยามวิกาล
“มือถือสาก ปากถือศีล” สำรอกสำรากสวมเสื้อ “ประชาธิปไตย”คลุมกาย แต่กระชากลากถูปิดหูปิดตาประชาชนอาศัยพวกมากลากพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมผ่านนิติกรรมยามวิกาล โดยเนื้อหาครอบคลุมไปถึงนักการเมืองชังชาติที่หลบหนีคำพิพากษาคดีทุจริตอ้างกระบวนการยุติธรรมไม่โปร่งใสออกไปอยู่ต่างประเทศแต่ยังรังควานสังคมไทยไม่จบสิ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
ครั้นเมื่อถึงพิธีกรรมประชาธิปไตย ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ทุนสามานย์ที่ครอบงำพรรคก็พยายามปั่นกระแสให้ผลการเลือกตั้ง “แลนด์สไลด์” ทั้งที่เป็นไปไม่ได้จริงอย่างที่ “จตุพร พรหมพันธุ์”หนึ่งในติ่งที่เคยยอมสยบรับใช้ก่อนตาสว่างจะบอกกล่าวสังคมสัมภเวสีแดนไกลอาศัยสื่อต่างประเทศหลังแพร่บทสัมภาษณ์จะกลับประเทศไทย แม้ต้องเข้าเรือนจำรับโทษทัณฑ์เวรกรรมที่เคยก่อไว้กับประเทศไทย แลกกับอิสรภาพภายหน้าในการอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับครอบครัว
คำสัมภาษณ์จอมปลอมที่ไม่คิดจะอายสุนัขสักครั้ง พรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะหนีไม่พ้น “พรรคก้าวไกล” พรรคการเมืองที่ก่อนหน้านี้ดูดีมีอนาคตน่าจะได้เสียงตอบรับจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่มากกว่าพรรคการเมืองอื่น
กลับกันผลสำรวจความเห็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เดิมว่ากันว่าน่าจะเป็นฐานเสียงที่แน่นหนาของพรรคก้าวไกลกลับกลายว่ากว่า 60 เปอร์เซ็นต์นิยมศรัทธา พรรคเพื่อไทยโดยพรรคก้าวไกลมาอันดับสอง ในขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติของ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”ไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในผลสำรวจในขณะที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนนิยม 31 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
พรรคก้าวไกล ไม่ได้ถดถอยจากศรัทธาคนรุ่นใหม่เท่านั้น เพราะจากการอภิปรายงบประมาณของ “เสี่ยทิม – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”หัวหน้าพรรคก้าวไกลกรณี “งบประมาณข้าราชการบำนาญ”ที่ประดิษฐ์วาทกรรมว่า“งบช้างป่วย” เป็นปัญหาต่อการพัฒนาประเทศนั้น ถูกนำคลิปอภิปรายนี้มาเผยแพร่ว่อนโลกโซเชียลกระทบคะแนนนิยมของพรรคอย่างช่วยไม่ได้
สงครามของพรรคก้าวไกลนอกจากจะแก้ปัญหา“แลนด์สไลด์อย่างที่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล”เตือนสติ “ทิม-พิธา” จนกลายเป็นวิวาทะความขัดแย้งของสองแกนนำคนสำคัญพรรคก้าวไกล และเมื่อมาเจอ 2 ประเด็นล่าสุดนี้
“พรรคก้าวไกล” ยิ่งแก้ยิ่งวุ่นจนเป็น “ลิงแก้แห”ขึ้นทุกขณะ
“พรรคก้าวไกล” จึงตกอยู่ในสภาพที่ก้าวไม่ไกลอย่างที่คาดหวังซะแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี