การเลือกตั้งทุกครั้ง จะมี “การเมืองสามานย์” หาเศษหาเลยกับการเกณฑ์ทหาร
โดยหยิบยกขึ้นมาปลุกปั่น หาเสียง
หวังคะแนนเลือกตั้งจากเด็กหนุ่มที่ไม่ต้องการเกษณฑ์ทหาร
1.บางพรรรคคุยโวว่าจะ ยกเลิกการเกณฑ์ทหารทันที หรือเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจให้หมด
ทั้งๆ ไม่สามารถทำได้จริง อยู่ๆ จะยกเลิกเลย ทำไม่ได้ มันเป็นเรื่องการทหาร กระทบความมั่นคงของประเทศ
แต่ถ้าค่อยๆ เพิ่มคนสมัครใจ และทำให้จำนวนที่ต้องจับสลากใบดำใบแดงลดลงเรื่อยๆ อันนี้ เป็นไปได้ และในความเป็นจริง ปัจจุบัน กองทัพก็ดำเนินการอยู่แล้ว
เพิ่มสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับทหารเกณฑ์คนสมัครใจก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพียงแต่นักการเมืองสามานย์หาหนทางโจมตีทหาร กองทัพ หวังผลว่าจะได้ภาพเป็นการต่อสู้กับทหาร เอาใจเด็กวัยรุ่นกลุ่มที่ไม่ได้ตามข่าวสาร หลงเชื่อลมปากนักการเมืองสามานย์ เท่านั้นเอง
2.เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัวชี้แจง
กรณีมีผู้คนโจมตีว่า ลูกชาย 2 คน คือ วรัตน์ ทวีสิน และณภัทร ทวีสิน ยังไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร
นายเศรษฐาโพสต์ทวิตเตอร์ชี้แจงว่า “ลูกชายผมทั้ง 2 คน ผ่านขั้นตอนการเกณฑ์ทหารเรียบร้อยตามเอกสารครับ”
แต่หลักฐานที่นายเศรษฐาแสดงนั้น คือ สด.9 เป็นแค่เพียงการขึ้นทะเบียนทหารกองเกินเท่านั้น
ยังมิใช่ใบผ่านทหารเกณฑ์แต่อย่างใด
แต่ดันนำมาอ้างว่า นี่คือหลักฐานผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว
ในความเป็นจริง สด.43 จึงจะเป็นเอกสารหลักฐานผ่านการเกณฑ์แล้ว
3.โลกออนไลน์ ต่างแสดงความสมเพชเวทนากับการอวดอ้างเอกสารผิดฝาผิดตัว
เพราะคนที่อ้างผิดฝาผิดตัว คือ คนที่เสนอตัวอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี
และยังอุตส่าห์หาเสียงด้วยนโยบายเรื่องการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารเสียด้วย
สะท้อนว่า ได้ศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงมาอย่างเพียงพอหรือไม่ หรือคิดแค่จะหาเสียงเอาคะแนน เอาความถูกใจ สะใจ
แม้ในภายหลังจะมีสำนักข่าวไปขุดค้นมา พบว่า ลูกชายของนายเศรษฐาผ่านการเกณฑ์ทหาร โดยอาศัยช่องทางว่าสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์พร้อม
นายณภัทร ทวีสิน เกิด 2534 ปี 2555 ผ่อนผัน ม.27(2) ปี 2557 จำพวกที่ 2
กระจกตาขุ่นสองข้างและสายตาสั้น
นายวรัตม์ ทวีสิน เกิด 2536 ปี 2557 ผ่อนผัน ม.27(2) ปี 2559 จำพวก 2 ข้อไหล่ขวาหลวม
แต่ก็ไม่ได้ลบล้าง “ความอ้างมั่ว” ของว่าที่แคนดิเดตนายกฯ และกลับตอกย้ำกับการที่ลูกชายไม่ต้องจับสลาก ด้วยช่องทางดังกล่าว
4.แนวทางการเกณฑ์ทหารของกองทัพ
การเกณฑ์ทหาร มีการปรับเปลี่ยน มุ่งเพิ่มการสร้างแรงจูงใจให้คนสมัครใจมากขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งช่วยลดจำนวนที่ต้องจับสลากใบดำ-ใบแดงลงอย่างต่อเนื่อง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล ได้เคยตอบกระทู้ถามในการประชุมวุฒิสภา วันจันทร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
เรื่อง ขอรับทราบแนวทางปฏิบัติของกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับเรื่องการเกณฑ์ทหารกองประจำการ
ผู้ตั้งกระทู้ถาม ศาสตราจารย์ นิสดารก์ เวชยานนท์ สมาชิกวุฒิสภา
...ด้วยที่ผ่านมามีประเด็นที่เสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารและใช้ระบบสมัครใจแทนการบังคับนั้น
โดยปัจจุบันประเทศไทยได้พัฒนาวิธีการคัดเลือกทหารแบบผสมทั้งความสมัครใจและเกณฑ์ควบคู่กัน
แต่สังคมภายนอกยังไม่เข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องมีการเกณฑ์ทหาร ขั้นตอนและวิธีการเกณฑ์ รวมถึงแผนด้านกำลังพลสำรองของกองทัพ
จึงขอเรียนถามว่าเหตุผลความจำเป็น ที่จะต้องมีการเกณฑ์ทหาร และกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเกณฑ์แผนกำลังพลสำรอง แผนการเรียกเกณฑ์และรับสมัครในแต่ละปี ตลอดจนตัวเลขสถิติของจำนวนทหารที่ต้องเรียกเกณฑ์และจำนวนของผู้สมัคร รวมถึงสถิติของผู้ที่ประสงค์สมัครเป็นทหารต่อเมื่อปลดประจำการแล้ว จำนวนกำลังพล และภารกิจของกองทัพสอดคล้องกันหรือไม่ อย่างไร
นอกจากนี้มีการพัฒนาปรับปรุงระบบการเกณฑ์ทหาร ระบบกำลังพลสำรอง และพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนของทหารกองประจำการให้มีความทันสมัยรองรับศตวรรษที่ ๒๑ หรือไม่ อย่างไร
ประกอบกับระบบการเกณฑ์ทหารสามารถตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงหรือไม่และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของกองทัพนั้น มีส่วนร่วมในการสร้างคนดี สู่สังคมอย่างไร
ในส่วนระบบการเกณฑ์ทหารของประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบกับนานาประเทศแล้วมีข้อดี และข้อเสียอย่างไร...
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล) ตอบชี้แจงกระทู้ โดยสรุปดังนี้
....รัฐธรรมนูญ มาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๒ ประกอบกับพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม การรับราชการทหาร รวมถึงกฎกระทรวงต่าง ๆ ได้ให้อำนาจในการจัดการกำลังพลสำรองสำหรับการจัดเตรียมกำลังพลเท่าที่จำเป็นเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยคุกคามที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
รวมถึงให้มีระบบกำลังสำรองที่มีประสิทธิภาพในการพร้อมรบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ภารกิจและขีดความสามารถเป็นตัวตั้งในการกำหนดโครงสร้างกำลังของกองทัพ
อย่างไรก็ตาม ความต้องการทหารกองประจำการมีจำนวนปีละประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คนซึ่งขณะนี้กองทัพอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างให้เหมาะสมกะทัดรัด ทันสมัย
และคาดว่าในอนาคตจำนวนความต้องการทหารกองประจำการจะลดลง
ปัจจุบัน กำลังพลมาจากการคัดเลือก และการรับสมัคร โดยข้อมูลในปี ๒๕๖๒ มีทหารกองเกินที่จะเข้ามาตรวจ เลือกประมาณ ๕๖๐,๐๐๐ คนเข้ารับราชการประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน
มีผู้สมัครใจปีละ ๔๐% หรือ ๔๐,๐๐๐ คน เข้าตรวจเลือก ๖๐% หรือ ๖๐,๐๐๐ คน
และเมื่อครบกำหนดปลดประจำการแล้ว มีเข้าเป็นทหารกองประจำการ ประมาณปีละ ๒,๐๐๐ คน
โดยแต่ละหน่วยจะมีบัญชีบรรจุกำลังพลสำรองไว้ และกำลังพลสำรองส่วนหนึ่งมาจากนักศึกษาวิชาทหาร เป็นกำลังสำรองระดับนายสิบ ส่วนพลทหารมาจากทหารกองประจำการ และทหารกองเกิน หรือกองหนุนประเภทต่างๆ
ในประเด็นระบบการตรวจเลือกได้มีการปรับปรุง และกำกับดูแลให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม รวมถึงสนับสนุนให้ทหารกองเกินเข้ามาสมัครให้มากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาระบบกำลังพลสำรองสำหรับหลักสูตร
การเรียนการสอนเป็นการฝึกเบื้องต้น ๑๐ สัปดาห์ และมีการฝึกทบทวนเพิ่มเติมประจำหน่วย ในกรณีการฝึกทหารใหม่จะให้ครอบครัวทหารเข้าเยี่ยมเยียนเพื่อรับทราบความเป็นอยู่ รวมถึงสิทธิต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้ ระบบการตรวจเลือกทหารกองประจำการจะกำหนดไว้ในแผนย่อยในการพัฒนาศักยภาพของประเทศ รองรับประเด็นยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
ส่วนประเด็นการพัฒนา ทรัพยากรของกองทัพ ในกรณีทหารที่มีวุฒิต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาจะมีการเรียนการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) และขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีการเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เพิ่มเติม
นอกจากนี้ เพื่อสร้างคนดีได้สนับสนุนให้มีการบำบัดฟื้นฟูกำลังพลที่ติดยาเสพติดเป็นการพัฒนาคนและกำลังพลเพื่อกลับสู่สังคม
สำหรับข้อดีข้อเสียของระบบการเกณฑ์ทหาร ในประเทศที่มีเศรษฐกิจดีจะใช้ระบบสมัครใจเป็นส่วนใหญ่
ส่วนประเทศที่อยู่ระหว่างพัฒนาเศรษฐกิจจะใช้ทั้งระบบสมัครใจและตรวจเลือก
สำหรับประเทศไทย จะใช้ระบบตรวจเลือกและสมัครใจควบคู่กันไป
ทั้งนี้ มีเป้าหมายให้มีผู้สมัครใจเข้ามาเป็นทหารกองประจำการมากขึ้น
ส่วนการเลือกระบบการคัดเลือกทหาร จะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ภัยคุกคาม ภูมิศาสตร์ประชากร และศักยภาพภารกิจของกองทัพ...
สะท้อนว่า ไอ้ที่หาเสียงอยู่ในวันนี้ คือ การมุ่งหาเสียงกับเด็กๆที่หลงเชื่อลมปากนักการเมืองสามานย์ ที่พยายามวาดภาพทหารเป็นตัวร้ายอย่างเดียว
ดูถูกสติปัญญาการติดตามข้อมูลข่าวสารของคนในสังคม ที่ความจริง เขาเปลี่ยนแปลงระบบการเกณฑ์ทหารไปมากกว่าสมัยก่อนโขแล้ว และแนวทางเพิ่มการสมัครใจนั้น กองทัพก็ทำอยู่แล้วในวันนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี