ขณะนี้ได้เกิดกระแสต่อต้านการอวดอ้างแอบอ้างสถาบันไปใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะคาดหวังว่าจะสามารถชักชวนให้บรรดาผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันไปช่วยลงคะแนนเสียงให้ เผื่อว่าจะทำให้คะแนนเสียงกระเตื้องขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็อาจจะผ่านด่าน 25 คน ที่ทำให้พรรคการเมืองเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้
ปรากฏว่าเมื่อเข้าสู่สถานการณ์เลือกตั้ง ได้มีการใช้กลไกทุกรูปแบบและใช้เครือข่ายทุกเครือข่ายโหมกระแสอวดอ้างความจงรักภักดีต่อสถาบัน แอบอ้างภารกิจพิเศษในการปกป้องรักษาสถาบัน มิฉะนั้นแล้วสถาบันจะล่มสลายไป
จึงก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และออกความเห็นกันอย่างกว้างขวางในทุกสังคม ในทุกวงการ นอกจากผู้ที่อยู่ในขบวนการหาเสียงของพรรคการเมืองแล้ว โดยทั่วไปก็เห็นไปในทางเดียวกันว่าเป็นการไม่พึงกระทำอย่างยิ่ง
มีความเห็นจำนวนมากไปในทางที่ว่าการอวดอ้างแอบอ้างสถาบันมาใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงทางการเมืองนั้นเป็นอันตรายร้ายแรง เพราะเป็นวิสัยของการเลือกตั้งย่อมมีแพ้มีชนะเกิดขึ้น ถ้าหากทั้งอวดอ้างทั้งแอบอ้างสถาบันขนาดนี้แล้วยังแพ้เลือกตั้ง ก็อาจเกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนว่าประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ศรัทธาต่อสถาบันแล้วหรืออย่างไร
การอวดอ้างและแอบอ้างสถาบันในการหาเสียงทางการเมืองนั้นมีความผิดใหญ่ถึงสามประการ คือ
ประการแรก เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญได้บัญญัติชัดเจนว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทรงเป็นจอมทัพ ทรงเป็นที่เคารพสักการะของประชาชน จึงไม่เกี่ยวข้องในทางการเมือง และไม่ทรงเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง และเป็นราชนิติราชประเพณี และราชธรรมซึ่งทุกพระองค์ทรงบำเพ็ญให้ประจักษ์สม่ำเสมอตลอดมาถึงปัจจุบันนี้
ประการที่สอง ทั้งกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้งก็บัญญัติและแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่เหนือการเมือง ไม่ทรงเป็นสมาชิกพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค หรือผู้สนับสนุนพรรคการเมืองใดๆ การไปอวดอ้างแอบอ้างสถาบันมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งจึงเป็นการโหนฟ้าดึงเอาสถาบันมาเป็นฝักฝ่ายของตน และผลักไสพรรคการเมืองอื่นว่าไม่เป็นฝักฝ่ายกับสถาบัน ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองพาดพิงไปถึงสถาบัน
ประการที่สาม กกต. ได้ออกทั้งระเบียบและคำสั่ง กระทั่งคำเตือนห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือนักการเมืองคนใดอวดอ้างแอบอ้างสถาบันในการหาเสียงเลือกตั้ง กระทั่งได้มีหนังสือเตือนอย่างเป็นทางการในกรณีการปราศรัยเกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่โคราชมาครั้งหนึ่งแล้ว
ความจริงการฝ่าฝืนในเรื่องนี้มีโทษสถานหนักถึงขั้นยุบพรรค แต่ กกต. ก็ได้ให้โอกาสแจ้งเป็นหนังสือเตือนเท่านั้น และทำให้เกิดบรรทัดฐานของความยุติธรรมที่ กกต. ต้องปฏิบัติกับการกระทำลักษณะที่ผิดกฎหมายและระเบียบในการเลือกตั้งกับพรรคอื่นๆ ด้วย
แม้ปานนั้นแล้วควรที่ผู้เกี่ยวข้องจะได้เลิก ละ หรือเว้นการอวดอ้างแอบอ้างสถาบันมาใช้ประโยชน์ในการเลือกตั้ง แต่การณ์กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่
เพราะทันทีที่ปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้น กลับมีการอวดอ้างแอบอ้างสถาบันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการเลือกตั้งของประเทศ สื่อและมีเดียทุกชนิดที่เกี่ยวข้องในการเลือกตั้งของพรรคการเมืองบางพรรคได้โหมกระแสอวดอ้างแอบอ้างโหนสถาบันเพื่อเป็นเครื่องมือในการเลือกตั้งอย่างเอิกเกริก
มีการปราศรัยบนเวที มีการออกรายการประชันความคิดความเห็นกับพรรคการเมืองอื่น และมีการให้สัมภาษณ์เฉพาะ ก็ใช้วิธีการอวดอ้างแอบอ้างสถาบันเพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งอย่างกว้างขวางต่อไป
ทำประหนึ่งว่าตั้งตนอยู่เหนือกฎหมายไม่ยำเกรงกฎหมายและขื่อแปบ้านเมือง ไม่เห็น กกต.ผู้ที่ต้องดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม และรวดเร็วอยู่ในสายตา จนถูกเย้ยหยันด้วยภาพการ์ตูนนานาชนิดว่าไม่ต้องสนใจ เพราะรู้กันอยู่ว่าใครตั้งใครมากับมือ ซึ่งเป็นการทำลายความเชื่อมั่นต่อการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ที่รุนแรงมาก
จึงมีการเปิดเผยความปรารถนาลึกๆ ทางสื่อมวลชนว่าคาดหวังผลการเลือกตั้งว่าจะมีประชาชนลงคะแนนให้ประมาณ 7 ล้านเสียง ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ประเมินว่าจำนวน 7 ล้านเสียงนี้ย่อมหวังจากผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน และเป็นกลุ่มมวลชนที่มีการจัดตั้งหรือรวมตัวอย่างเป็นระบบระเบียบอยู่แล้ว
มวลชนกลุ่มนี้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันอย่างแน่นแฟ้น ปฏิบัติหน้าที่อาสาสมัครเพื่อประโยชน์สาธารณะและบรรเทาสาธารณภัย มีจิตใจหวังประโยชน์แก่บ้านเมืองและประชาชน จึงตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกใช้เป็นฐานคะแนนเสียง
แต่เมื่อความจริงปรากฏ คนทั้งหลายก็ย่อมรู้เท่าทันว่าการอวดอ้างแอบอ้างสถาบันนั้นเป็นการบ่อนทำลายสถาบันที่อันตรายมาก และไม่พึงที่ผู้มีความจงรักภักดีทั้งปวงจะไปลากเอาสถาบันมาร่วมพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มเดียว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี