การเมืองสามานย์หัวใจกระจอก หาเสียงด้วยการปั่นประเด็นโจมตีด้อยค่าการเกณฑ์ทหาร
หาเสียงด้วยการคุยโวว่าจะเลิกการเกณฑ์ทหาร
ใช้วาทกรรมว่าจะใช้วิธีให้สมัครใจเท่านั้น
ทำราวกับว่าปัจจุบัน ระบบทหารเกณฑ์ไทยเหมือนยุคกรุงศรีอยุธยาก็ไม่ปาน
1. การเกณฑ์ทหารในปีนี้ ปรากฏว่า มีชายไทยจากหลากหลายอาชีพ สมัครเป็นทหาร สูงถึง ๓๕,๖๑๗ นาย
มากเป็นประวัติการณ์
แยกเป็นผู้ที่สมัครผ่านช่องทางออนไลน์ จำนวน ๑๐,๑๕๖ นาย
และผู้ที่สมัครในระหว่างการตรวจเลือก ๒๕,๔๖๑ นาย
2. คนที่มาจับสลาก ได้ใบแดง เป็นทหารเกณฑ์มีแต่เฉพาะลูกคนจน คนที่ขาดไร้โอกาส เหมือนที่ศาสดาลัทธิส้มวาดภาพหลอกสาวก จริงมั้ย?
ข้อเท็จจริง คุณวุฒิการศึกษาของผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นทหารในปีนี้
พบว่า เป็นผู้ที่จบปริญญาตรีและปริญญาโท รวม ๙,๖๗๑ นาย
โดยผู้ที่จบปริญญายื่นขอสมัครเป็นทหารมากถึง ๓,๔๑๐ นาย (แยกเป็นระดับปริญญาตรี ๓,๓๘๗ นาย ปริญญาโท ๒๓ นาย )
3. ระบบการเกณฑ์ทหารของไทย ไม่มีการปฏิรูปปรับเปลี่ยนเลย จริงหรือ?
ปัจจุบัน การได้มาซึ่งทหารกองประจำการตามกฎหมาย กองทัพมีนโยบายดำเนินการแบบผสมผสาน
คือ การเปิดโอกาสให้สมัครเป็นทหาร และดำเนินการตรวจเลือกทหารประจำปี
พร้อมกันนี้ กองทัพได้พัฒนาระบบการตรวจเลือกมุ่งสู่ทหารกองประจำการอาสาสมัคร ทดแทนการเรียกเกณฑ์และประสบผลสำเร็จมาเป็นลำดับ
ทางกองทัพบก ได้เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจว่า จากสถิติในภาพรวมของผู้สมัครเป็นทหาร มาจาก ๒ ส่วน คือ ก่อนการตรวจเลือก (ทหารออนไลน์) และในช่วงการตรวจเลือกนั้น
ในส่วนของทหารออนไลน์ พบว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๖๔ - ๒๕๖๖ มียอดผู้สมัครเพิ่มขึ้นตามลำดับจาก ๓,๒๐๗ เพิ่มเป็น ๖,๖๕๒ และ ๑๐,๑๕๖ นาย (โดยในปี ๒๕๖๕ เพิ่มจากปี ๒๕๖๔ กว่า ๒ เท่า และในปี ๒๕๖๖ เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๖๕ จำนวน ๓,๕๐๔ นาย)
แสดงให้เห็นว่ามีชายไทยกลุ่มอายุ ๑๘-๒๐ ปี และ อายุ ๒๒-๒๙ ปี ที่เคยผ่านการตรวจเลือก แต่ไม่ถูกเข้าเป็นทหาร ได้ให้ความสนใจสมัครเป็นทหารกองประจำการเพิ่มมากขึ้นทุกปี
หากนำสถิติการสมัครเป็นทหารในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง คือ ๒๕๖๔-๒๕๖๖ พบว่า มีจำนวนผู้สมัครระหว่าง ๓๓,๐๐๐-๓๕,๐๐๐ นาย ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การที่มีผู้สมัครเป็นทหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องดังกล่าว ส่งผลให้ในการตรวจเลือกทหารในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา ผู้ที่เข้าสู่กระบวนการจับสลากใบดำ-ใบแดง จะมีโอกาสเป็นทหารลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
จากสถิติดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จเป็นรูปธรรมในนโยบายของกองทัพในการพัฒนาระบบการตรวจเลือกทหารเพื่อมุ่งสู่ทหารอาสาสมัครทดแทนการเรียกเกณฑ์
4.ปัจจุบัน กองทัพมีการปฏิรูประบบกำลังพล เพื่อลดขนาดกองทัพลงอยู่แล้ว โดยมีทั้งในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ที่สำคัญ สัดส่วนงบกลาโหมต่อจีดีพีของประเทศ ก็ยังลดลงทุกปีในยุครัฐบาลปัจจุบัน
ในยุคพรรคการเมืองฝ่ายค้านเคยเป็นรัฐบาลต่างหาก ที่ไม่มีการลดสัดส่วนงบกลาโหมลงได้แบบปัจจุบัน
ยุคนี้ กองทัพ สร้างแรงจูงใจอะไรบ้าง ทำให้คนอยากสมัครเป็นทหาร
ยกตัวอย่าง
มีโอกาสต่อนักเรียนนายสิบ ใน ทบ.ให้โควตาสำหรับทหารกองประจำการไว้ 80% จากยอด นนส.ทบ.
มีโครงการฝึกอาชีพโดยให้พิจารณาตั้งแต่แรกเข้าในวันตรวจเลือกช่วง เม.ย. ของทุกปี
หลังจากได้รับใบการันตีฝีมือในระหว่างฝึกในค่ายทหาร สามารถจับมือกับนายจ้าง ทำสัญญาก่อนปลดได้เลย
ระหว่างเป็นทหาร มีรายได้เท่าค่าแรงขั้นต่ำ ปัจจุบันรวมเดือนละ 10,000 บาท (เงินเดือน+เบี้ยเลี้ยง+เงินเพิ่มค่าครองชีพ) หากค่าแรงขั้นต่ำขึ้นไปวันละ 600 บาท ทหารก็ควรได้รวมเดือนละ 18,000 บาท เช่นกัน
ที่อยู่อาศัยฟรีตลอดห้วงรับราชการ รักษาพยาบาลฟรีตลอดห้วงรับราชการ เครื่องแต่งกายฟรี และสวัสดิการอื่นนอกเหนือจากปัจจัยสี่ อีกมากมาย ฯลฯ
นี่คือสิ่งที่ระบบการเกณฑ์ทหารทำอยู่แล้ว เพื่อเพิ่มความสมัครใจ ผลสำเร็จจึงปรากฏอย่างที่เห็น
5. น่าเวทนา... การเมืองสามานย์ พยายามเอาประเด็นยกเลิกการเกณฑ์ทหารมาปั่นกระแสหาเสียง พร้อมกับการให้ร้ายกองทัพไปด้วย โจมตีเผด็จการทหารไปด้วยมั่วไปหมด เพื่อหวังหาเสียงกับคนหนุ่ม (new voter)
น่าสงสัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยโจมตีกองทัพถึงขนาดว่า “ทหารมีไว้ทำไม” - “ถ้ารบกันจริง ผมไม่เชื่อจะรบชนะ” - “ถ้าผู้นำฉลาด ไม่ต้องมีกองทัพก็ได้” ฯลฯ อยู่บนฐานอคติต่อทหารและกองทัพไทย มากเกินไปหรือไม่ เป็นธรรมหรือไม่?มีวาระซ่อนเร้นทำให้ไทยต้องพึ่งพาการทหารกับชาติมหาอำนาจบางฝ่ายหรือไม่?
หลับหูหลับตาหาเสียง โวว่าจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร หันมาใช้ระบบสมัครใจทั้งหมด ทั้งที่ยุคนี้ การเกณฑ์ทหารได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากมายแล้ว
ไม่ได้ดูความจริงว่า การยกเลิกทันทีทำไม่ได้จริงอย่างไร จะกระทบอะไรบ้าง?
ประเทศจะขาดแคลนกำลังพลผู้ปฏิบัติงานอย่างไร แนวชายแดนไทยทางบกกว่า 5 พันกิโลเมตร ยังไม่นับทางทะเลที่มีผลประโยชน์มหาศาล จะกระทบอย่างไร และปัจจุบัน ทหารช่วยปฏิบัติภารกิจภายในจำนวนมาก น้ำท่วมฝนแล้ง พิบัติภัย ฯลฯ กำลังทหารมีส่วนลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านมากกว่านักการเมืองสามานย์บางจำพวกแน่นอน
การอ้างว่า ไม่อยู่ในสภาวะสงคราม จึงไม่จำเป็นต้องเกณฑ์ทหารจำนวนมาก เป็นคำพูดที่ไร้หลักการ ไร้เหตุผล และไร้ความรับผิดชอบอย่างยิ่ง เพราะสถานการณ์ความมั่นคงรอบๆ บ้าน ทั้งจากด้านเมียนมา และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปัจจุบัน ล้วนยังวางใจไม่ได้ยังมีความไม่สงบต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปัญหาชายแดนยังมีหลายมิติ อาทิ แรงงานเถื่อน ยาเสพติด สินค้าหนีภาษี ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ
การปั่นกระแสจะยกเลิกเกณฑ์ทหาร ด้วยอคติ จึงเป็นการสร้างปัญหาตามมามากมาย กระทบกับปัญหาความมั่นคงของประเทศชาติ
6. ประการสำคัญ ในอนาคต โอกาสใบแดงจะเหลือศูนย์ใบ เป็นไปได้จริง โดยไม่ต้องพึ่งพาการเมืองสามานย์
สำหรับแนวคิดเรื่องยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร พิจารณาจากแนวทางในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า กองทัพบกก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อไม่ให้กระทบกับการทำหน้าที่ความมั่นคง
ข้อเท็จจริง ปรากฏว่า กองทัพบก ได้ดำเนินการรีดไขมันลดอัตราทหารกองประจำการลง 20% ในปี’64-65
ที่ผ่านมา คาดว่า ในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ก็แทบจะไม่ต้องจับใบแดงแล้ว
ปีนี้ ยอดเรียกเกณฑ์เดิม 68,000 คน มีคนสมัครเป็นทหารมากกว่า 3 หมื่นคน จากปรากฏการณ์นี้ ประเมินตามแผนการ 5 ปีจากนี้
ปี 2567 ได้พลทหารออนไลน์ 12,000 ร้องขอวันตรวจเลือกอีก 33,000 ยอดใบแดงก็คงเหลือ 23,000
ปี 2568 ได้พลทหารออนไลน์ 15,000 ร้องขอวันตรวจเลือกอีก 36,000 ยอดใบแดงก็คงเหลือ 17,000
ปี 2569 ได้พลทหารออนไลน์ 18,000 ร้องขอวันตรวจเลือกอีก 39,000 ยอดใบแดงก็คงเหลือ 11,000
ปี 2570 ได้พลทหารออนไลน์ 21,000 ร้องขอวันตรวจเลือกอีก 42,000 ยอดใบแดงก็คงเหลือ 5,000
ปี 2571 ได้พลทหารออนไลน์ 24,000 ร้องขอวันตรวจเลือกอีก 45,000 ยอดใบแดงก็คงเหลือ 0 ใบ
จะเห็นได้ว่า มีความเป็นไปได้จริง
ยิ่งกว่านั้น หากมีพลทหารสมัครผ่านออนไลน์มากขึ้น ทหารร้องขออยู่รับราชการต่อมากขึ้น (ปัจจุบันรมว.กห.กำลังจะอนุมัติให้อยู่ได้ถึงอายุ 30 ปี จากเดิมขอต่อได้แค่อายุ 25 ปี) ก็จะยิ่งลดใบแดงในแต่ละปีลงไปอีก
ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นแล้ว ทำอยู่แล้ว โดยรัฐบาลยุคปัจจุบัน โดยกองทัพยุคใหม่
ทำเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่พูดแบบคนไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
7. รัฐธรรมนูญ หมวด 4 มาตรา 50 ว่าด้วยหน้าที่ปวงชนชาวไทย บัญญัติให้ ชายไทยต้องรับราชการทหารตามที่กฎหมายบัญญัติ
รัฐธรรมนูญ หมวด 5 มาตรา 52 ว่าด้วยหน้าที่ของรัฐบัญญัติให้ รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน โดยรัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูต และการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ และสามารถใช้กำลังทหารเพื่อพัฒนาประเทศได้
การยกเลิกเกณฑ์ทหาร นอกจากจะทำไม่ได้จริงในทันทีแบบที่หาเสียงแล้ว ยังอาจขัดรัฐธรรมนูญ
การใช้อคติของส่วนตัว มุ่งโจมตีบ่อนทำลายกองทัพ หวังคะแนนเสียงจากเยาวชนอย่างไม่รับผิดชอบ เป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างยิ่ง
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี