พิเคราะห์จากตัวเลขผู้สมัคร สส.และจำนวนพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงชิงชัยที่ลดลงจากการเลือกตั้งปี 2562 เกือบสองเท่า และ วาระบังคับ
ใช้บทเฉพาะกาล 5 ปี ประกอบกับวาระ สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.แต่งตั้ง 250 คน ที่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) มาจากการเลือกตั้ง จะหมดวาระใกล้ๆ กับบทเฉพาะกาล 5 ปี ทำให้พิเคราะห์ได้ว่า ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยคืบคลานเข้าใกล้ประชาธิปไตยสมบูรณ์ขึ้นทุกวัน หลังจากชะงักงันมาเกือบ 10 ปี
การเลือกตั้งปี 2562 เป็นการเลือกตั้งแบบสัดส่วนคือ ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว แล้วนำคะแนนบัตรที่ได้รับเลือกตั้งจากแต่ละพรรคการเมืองมา กองรวมกันทั่วประเทศแล้วหารด้วยวิธีพิศดารพันลึกโดยทุกฝ่ายคิดเองเออเองว่าพรรคที่ได้รับเลือกตั้งประมาณ 6-70,000 คะแนนจะ สส. พึงมีหนึ่งคน
การคิดเออเองแบบคนมักง่าย ทำให้นักฉวยโอกาสตั้งพรรคการเมืองขึ้นมามากถึง 125 พรรค และส่งผู้สมัคร สส. 13,391 คน แต่ผ่านการคัดกรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพียง 11,251 คน จาก 81 พรรคการเมือง การเลือกตั้งปี 2562 จึงถือได้ว่ามีผู้สมัคร สส.มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งในประเทศไทย และ อาจเป็นการสมัคร สส.มากที่สุดในโลกก็เป็นไปได้
การที่พรรคการเมืองและผู้สมัคร สส.มีมากเกินไปทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย กกต.ไม่รู้จะใช้สูตรในการหาร สส.พึงได้ให้เข้ากับสส. 500 ตามรัฐธรรมนูญกำหนดได้อย่างไร สุดท้ายต้องใช้วิธีปัดเศษ คือ มั่วเอาว่า พรรคที่ สส.พึงได้พอแล้วก็ปัดเศษที่เหลือมาเพิ่มให้พรรคที่ได้เพียงสองสามหมื่นคะแนน ก็ได้เป็น สส.หนึ่งคน เพื่อให้ได้ สส.ครบ 500 คน ตามรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนด
การใช้สูตรคำนวณ สส.พึงได้ แบบไม่มีมาตรฐานสภาไทยจึงได้ สส.เข้าสภาถึงยี่สิบแปดพรรคการเมือง ในจำนวนนี้พรรคที่มี สส.คนเดียวมากถึงสิบพรรค และ สส.ปัดเศษเหล่านี้ คือ ต้นเหตุของปัญหาทำให้สภาเกิดความวุ่นวาย เพราะ สส.จากพรรคเล็กพรรคน้อย กำหนดตัวเป็น สส.ฝ่ายค้าน หรือเป็น สส.ฝ่ายรัฐบาลขึ้นอยู่กับปริมาณของกล้วย
แต่การเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566มีผู้สมัคร สส. เขต 4,781 คน สส.บัญชีรายชื่อ 1,898 คน จาก 67 พรรคการเมือง และ ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม คือ ใช้บัตรเลือกสองใบ หนึ่งใบเลือก สส.เขตเลือกตั้ง หนึ่งใบเลือก สส.บัญชีรายชื่อ หรือ เลือกพรรค
สำหรับ สส.เขตเลือกตั้ง เมื่อได้คะแนนมากกว่าทุกพรรคในเขตเลือกตั้งนั้นๆ ก็ได้เป็น สส.ไปเลย สำหรับ สส.บัญชีรายชื่อจะนำคะแนนแต่ละพรรคที่ได้จากทั่วประเทศมา กองรวมกันและหารด้วย100 จะได้ สส. บัญชีรายชื่อหนึ่งคน ซึ่งหลายฝ่ายทึกทักเอาว่า สส.บัญชีรายชื่อ แต่คนต้องได้มากถึงสามแสนคะแนน แต่ก็อีกนั่นแหละเมื่อถึงเวลาจริง กกต.อาจมีสูตรพิสดารมาหาร สส.บัญชีรายชื่อ 100 จากทุกพรรคให้ลงตัวจนได้
ผลจากการแก้รัฐธรรมนูญทำให้มีการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่ เป็นเหตุให้ผู้สมัคร สส.และพรรคการเมืองลดลงอย่างมีนัย และคาดการณ์ว่าจะมีพรรคการเมืองชนะเลือกตั้งเข้าสภาประมาณสิบพรรคซึ่งทำให้พรรคการเมืองตัดสินใจง่ายขึ้นว่า จะเป็นฝ่ายบริหาร หรือ ฝ่ายตรวจสอบรัฐบาล
ทั้งหมดที่กล่าวมาจึงนับได้ว่า ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยขยับเข้าใกล้มาตรฐานประชาธิปไตยแบบไทยๆเข้าไปทุกที
ในสมัย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี นานแปดปีห้าเดือน เมื่อป๋าประกาศยุบสภา ทุกพรรคการเมืองที่เคยร่วมรัฐบาล และพรรค
ฝ่ายค้านรู้ได้ด้วยสามัญสำนึกว่าป๋าเตรียมล้างมือในอ่างทองคำ พรรคการเมือง ที่ส่งผู้สมัครเลือกตั้ง หลังป๋ายุบสภาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 จึงเตรียมเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน
ดังนั้น เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชายุบสภาเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 ทุกพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงชิงชัยในสนามเลือกตั้ง จึงเตรียมพร้อมที่จะเป็นรัฐบาลและเป็นฝ่ายค้าน เนื่องจากพรรคการเมืองส่วนใหญ่ มีสามัญสำนึกที่รู้ได้ว่า ระบอบประชาธิปไตยแบบมาตรฐานไทยๆ กำลังจะกลับมาหลังจากถูกแช่แข็งมานานกว่าแปดปี
ทุกพรรคการเมืองที่มีมาตรฐานอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นสถาบันการเมืองเพียงพรรคเดียวในประเทศไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ตลอดถึงพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย ต่างก็คาดการณ์ล่วงหน้าว่า จะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หลังเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566
และทุกพรรคการเมืองที่มีมาตรฐานต่างรู้ดีว่าหากพลเอกประยุทธ์ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็อยู่ได้ไม่นานเกิน 2 ปี อาจต้องการยุบสภาแล้วจัดเลือกทั่วไปใหม่และการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากอีกสองปีข้างหน้า จะเป็นการเลือกตั้งตามมาตรฐานประชาธิปไตยแบบไทยๆคือ ไม่มีบทเฉพาะกาล 5 ปี ไม่มี สว.มาจากการแต่งตั้ง นั่นคือประชาธิปไตยแบบไทยๆ
ดังนั้นอดีตพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ต่างก็ตั้งความหวังว่า จะพยายามเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองให้ได้ เพื่อให้สภาและรัฐบาลชุดใหม่ ได้บริหารงานต่อเนื่องจนครบเทอม 4 ปี
อย่างไรก็ตาม คอลัมน์ทวนกระแสข่าว มองโลกในแง่ดีว่า หลังจากหมดยุค 3 ป.พรรคการเมืองทั้งหลายอาจตั้งใจทำงานรับใช้ประเทศชาติและประชาชนมากขึ้น การทุจริตคอร์รัปชั่น การเรียกเงินทอนจากโครงการใหญ่ๆของรัฐบาล อาจลดลงอย่างมีนัยเพราะพรรคการเมืองที่ได้มาตรฐานต่างได้รับบทเรียนว่าประเทศชาติหายนะและที่พรรคชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ก็อยู่ไม่ได้ เพราะพระสยามเทวาธิราชและคนไทยผู้รักชาติ ไม่ยอมให้คนชั่วมีอำนาจโกงกินผลาญชาติอีกต่อไป
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี